กองเรือขณะนี้ แบ่งเป็นเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของเองประเภทเรือ Supramax ขนาดระวางบรรทุก 50,000-60,000 ตัน จำนวน 10 ลำ และประเภทเรือ Handymax ขนาดระวางบรรทุก 30,000-40,000 ตัน จำนวน 8 ลำ และที่เหลืออีก 20 ลำเป็นเรือที่บริษัทได้ทำการเช่าระยะยาวจากต่างประเทศ
"การซื้อเรือเพิ่มครั้งนี้เพื่อที่จะเสริมศักยภาพในธุรกิจขนส่ง โดยคาดว่าอุตสาหกรรมส่งออกในปีหน้าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง จากการที่เศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกาเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน"นายเฉลิมชัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้แบ่งงบการลงทุนโดยคิดเป็นสัดส่วนในธุรกิจที่มีอยู่ 3 ประเภทคือ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ 30% ธุรกิจบริการขุดเจาะน้ำมันและบริการใต้ทะเล30% และธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน30% และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท 10%
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้พิจารณาหาช่องทางที่ในการทำธุรกิจที่มีความได้เปรียบคู่แข่งและมีโอกาสทางการตลาดที่ดีกว่า ซึ่งในส่วนของการตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาทในการจัดซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง 5-6 ลำ ในปีหน้าในราคาต่อลำที่ 21-22 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีขนาดระวางบรรจุที่ 50,000 เดทเวทตัน โดยเป็นเรือมือ 2 ของประเทศญี่ปุ่น เฉลี่ยอายุเรือประมาณ 5-7 ปี ซึ่งมองว่าเรือมือ 2 ของประเทศญี่ปุ่นมีการบริหารจัดการต้นทุนที่สะดวก ง่ายต่อการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุง โดยจะช่วยให้บริษัทมีศักยภาพในกองเรือขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น
ส่วนการนำบริษัท บาคองโก้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปุ๋ยเคมี ในประเทศเวียดนาม ที่จะนำเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการพิจารณยื่นอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.โดยคาดว่าจะสามารถทำการซื้อขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO ได้ภายในไตรมาส 1/57 โดยผลประกอบการของบาคองโค ในรอบปีบัญชี 56 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.56 มีกำไรสูงถึง 253 ล้านบาท และมีรายได้ทั้งสิ้น 3,229 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังพิจารณาที่จะเข้าควบรวมกิจการบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับด้านพลังงาน ขนส่ง และ โครงสร้างพื้นฐาน อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้และราคาที่เหมาะสม คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายภายในไตรมาสที่ 2/57