ทั้งนี้ พบความบกพร่องในการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารดังนี้ 1. ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ค่าที่ปรึกษาจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งที่มีข้อบ่งชี้หลายประการว่าอาจไม่มีการให้บริการจริง หากบริษัทผู้ขออนุญาตไม่มีรายได้ค่าที่ปรึกษาดังกล่าว กำไรสุทธิที่บริษัทบันทึกไว้จะเกินจริงร้อยละ 59.24 ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงทุนได้
2.เอกสารประกอบคำชี้แจงต่อ ก.ล.ต. เกี่ยวกับรายได้ค่าที่ปรึกษาข้างต้น โดยมีข้อบ่งชี้หลายประการว่าไม่ใช่เอกสารจริง แต่ผู้ควบคุมการปฏิบัติงานฯ กลับไม่ได้ตั้งข้อสังเกตใดๆ ก่อนส่งให้ ก.ล.ต.
3. ข้อมูลในแบบ filing โดยไม่ระมัดระวังในการตรวจสอบข้อมูลให้ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนสำคัญผิดว่าบริษัทผู้ขออนุญาตยังมีการขยายธุรกิจที่จะสามารถก่อให้เกิดรายได้ในอนาคตเป็นจำนวนมาก ทั้งที่บริษัทไม่เน้นธุรกิจดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ ยังไม่ระมัดระวังในการตรวจสอบความครบถ้วนและถูกต้องของข้อมูลโครงการที่มีนัยสำคัญอย่างมากต่อรายได้และต้นทุนของบริษัท ทำให้ขาดข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจลงทุน เช่น ความเสี่ยงที่สำคัญและความคืบหน้าโครงการดังกล่าว เป็นต้น
ก.ล.ต. พิจารณาว่า การปฏิบัติหน้าที่บกพร่องของนายวิเชียร นายนาวิน และนายสัมฤทธิ์ชัย เข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติตามประกาศสำนักงาน ก.ล.ต. ว่าด้วยการให้ความเห็นชอบที่ปรึกษาทางการเงินและขอบเขตการดำเนินงาน ซึ่งกำหนดให้ผู้ควบคุมการปฏิบัติงานฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ โดยใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน เพื่อให้ที่ปรึกษาทางการเงินดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงสั่งพักการให้ความเห็นชอบผู้ควบคุมการปฏิบัติงานฯ รายนายวิเชียร นายนาวิน และนายสัมฤทธิ์ชัย ตลอดระยะเวลาการให้ความเห็นชอบที่ยังเหลือ และกำหนดระยะเวลารับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติงานฯ ครั้งต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.56
กรณีนี้ บริษัทผู้ขออนุญาตได้ยุติการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และไม่ได้เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนแต่อย่างใด