สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 3.5 ปี, 5.5 ปี และ 1.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,064 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 160.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI185C) มูลค่า 79.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกัน ผู้ถือหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนได้ก่อนกำหนดของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC243A) มูลค่า 27.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 267.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,476 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,594 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 714 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.34% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.5% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. นักลงทุนส่วนใหญ่ติดตามแนวโน้มการเคลื่อนไหวของเงินทุน (Fund Flow) หลังสหรัฐฯ ชะลอมาตรการ QE ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ล่าสุดสหรัฐฯ มีการปรับประมาณการ GDP ไตรมาส 3/56 ขึ้นเป็น 4.1% (จาก 3.6%) สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 714 ล้านบาท