TRUEIF ลงทุนในสิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิที่เกิดจากการให้เช่าเสาโทรคมนาคม 5,845 เสา ระบบใยแก้วนำแสงหลัก และอุปกรณ์ระบบสื่อสัญญาณที่เกี่ยวข้อง (ระบบ FOC) ตามสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์ HSPA ระยะเวลา 12 ปี (สิ้นสุด 3 ส.ค.68) รวมทั้งสิทธิในการซื้อหรือรับโอนทรัพย์สินโทรคมนาคมดังกล่าวบางส่วนเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุด และลงทุนในกรรมสิทธิ์เสาโทรคมนาคม 6,000 เสา (ส่งมอบ 3,000 เสา ภายในปี 57 และส่วนที่เหลือภายในปี 58) ระบบ FOC และระบบบรอดแบนด์ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า กองทุน TRUEIF จะทำให้นักลงทุนได้มีส่วนร่วมลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่มีทรัพย์สินหลากหลาย และกระจายอยู่ทั่วประเทศ และให้โอกาสแก่ผู้ลงทุนรับผลตอบแทนที่มั่นคงจากผู้เช่าหลักคือ กลุ่มทรู ซึ่งทำสัญญาเช่าดำเนินการ การบำรุงรักษา และบริหารจัดการกับกองทุนเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
นอกจากนี้ กองทุนมีโอกาสเติบโตจากการให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายอื่นร่วมใช้เสาและอุปกรณ์โทรคมนาคม รวมถึงโอกาสจากการพัฒนาของอุตสาหกรรม โทรคมนาคมในอนาคต จึงทำให้ทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้การตอบรับที่ดีในช่วงเสนอขายหน่วยลงทุน
TRUEIF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลและการคืนเงินลงทุนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการกองทุน โดยกองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ในกรณีที่กองทุนมีกำไรเพียงพอเมื่อรวมแล้วไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของปีนั้น
TRUEIF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) ถือหน่วยลงทุน 33.24% ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ถือหน่วยลงทุน 9.04% และ Beyond Advanced Limited ถือหน่วยลงทุน 6.03%