ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 63,587 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 26, 2013 18:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 63,587 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 41,130 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 64.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 12,505 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 226 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB145B และ LB176A (รุ่นอายุ 5.5 ปี, 0.4 ปี และ 3.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,878 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 90.4 ล้านบาท

2. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC174A) มูลค่า 59.6 ล้านบาท

3. หุ้นกู้ของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON178A) มูลค่า 39.5 ล้านบาท

โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 189.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้

ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,834 ล้านบาท

2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,787 ล้านบาท

ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 146 ล้านบาท

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.32% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.46% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%

>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้

Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อย ประมาณ 1 bps. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ( สศค.) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 56 เหลือ 2.8%จากเดิมคาดการณ์ว่าจะโต 3.7% และในปี 57 คาดว่า GDP จะขยายตัวประมาณ 4 % จากเดิมที่ตั้งไว้ 5.1% เนื่องจากการส่งออกของไทยติดลบ อีกทั้งปัญหาการเมืองในประเทศทำให้การบริโภคและการลงทุนชะลอตัวลงเนื่องจากขาดความเชื่อมั่น สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 146 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ