ด้านมุมมองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 57 มองว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวเร่งตัวขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 4-5 จากร้อยละ 2.6-3.0 ในปีก่อนหน้า โดยมีการลงทุนจากภาครัฐและการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ทั้งนี้อาจจะต้องพิจารณาปัจจัยการเมืองภายในประเทศด้วย หากสถานการณ์ทางการเมืองยังคงมีความยืดเยื้อ ก็จะส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงความต่อเนื่องของนโยบายการลงทุนภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแรงขับเคลื่อนหลักต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้นอกเหนือจากการส่งออกที่กำลังฟื้นตัว ซึ่งอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 57 ไม่สามารถเติบโตได้ตามที่คาด
ในขณะที่ตลาดตราสารหนี้ ผลกระทบอาจต้องคอยติดตามจากผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย (กนง.)ในช่วงครึ่งปีแรก จากการประชุมในวันที่ 22 ม.ค และ 12 มี.ค. 2557 นี้ ว่าจะมีการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยอย่างไร แต่โดยรวมเชื่อว่าจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา น่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับปริมาณพันธบัตรรัฐบาลที่คาดว่าจะลดลง ต่างเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดตราสารหนี้ไทย
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายจะยังทรงตัวต่อไปอย่างต่อเนื่องในระดับ 2.25% หรืออาจปรับลดลงได้อีก โดยในปี 2557 บริษัทจะยังคงเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยจะคัดสรรตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศเข้าผสมผสานในพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจมากขึ้น ซึ่งในปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทได้เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการรวมแล้วกว่า 200 กองทุน รวมเป็นมูลค่าเม็ดเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศกว่า 658,000 ล้านบาท (ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2556) โดยมีการคัดสรรตราสารหนี้คุณภาพดีจากทั่วทุกภูมิภาคของโลก อาทิ มาเก๊า ฮ่องกง บราซิล ตุรกี สหรัฐอเมริกา รัสเซีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแอฟริกาใต้ โดยตราสารที่บริษัทคัดเลือกมาให้ลงทุน ได้ผ่านการกลั่นกรองคุณภาพตลอดทั้งผ่านการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงมาเป็นอย่างดี
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีเอส (KFI3MDS)ที่จะเสนอขายในสัปดาห์นี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ Bank of China, สาขามาเก๊า และเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A และ BBB- ตามลำดับ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+ และ AA- ตามลำดับ อีกทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, ประเทศไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ AAA โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน