สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB15DA (รุ่นอายุ 3.4 ปี, 5.4 ปี และ 1.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,811 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC19OA) มูลค่า 102.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL163A) มูลค่า 41.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC174A) มูลค่า 22.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 165.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 19,557 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 640 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 265 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.3% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.31% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.10%
Yield Curve ปรับลดลงในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1 – 13 bps. โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 3 – 5 ปี ลดลง 10 – 13 bps. จากการเข้าซื้อส่วนใหญ่ของนักลงทุนประเภทสถาบัน นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองที่อาจยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในเชิงลบ โดยวันนี้ตลาดหุ้นปรับลดลงถึง 67.94 จุด สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 265 ล้านบาท