สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB21DA (รุ่นอายุ 5.4 ปี, 3.4 ปี และ 7.9 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,405 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL23OB) มูลค่า 327.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC20NA) มูลค่า 153.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC21OA) มูลค่า 148.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 629.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,221 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,614 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -3,442 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.29% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.31% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุไม่เกิน 5 ปี ประมาณ 1-2 bps. นักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลกับประเด็นทางการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจจะดำเนินการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีกในการประชุมครั้งหน้า สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายทั้งในพันธบัตรระยะสั้น และระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 3,442 ล้านบาท