นายสุชาติ เดชอิทธิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มทรัพย์สินพร้อมขาย KTB เปิดเผยถึงผลการดำเนินการในปี 56 ว่า ขณะนี้สามารถขายทรัพย์ NPAได้ตามประมาณการ 9,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้แก่ ที่ดินเปล่าคิดเป็น 35% ทรัพย์เพื่อประกอบธุรกิจ 30% และทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย 25% ของยอดขายทั้งหมด ส่งผลให้ปัจจุบันมีทรัพย์ NPA ลดลงเหลือไม่ถึง 30,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้ขายประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เพราะแผนงานที่สร้างความร่วมมือของหน่วยงาน และสาขาเครือข่ายของธนาคารที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 1,200 หน่วยงาน จึงทำให้มียอดขายที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้
สำหรับแผนงานในปี 57 ธนาคารได้กำหนดให้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการจำหน่ายทรัพย์ NPA โดยจัดทำโครงการ KTB NPA PLUS เพื่อเชิญชวนกลุ่มลูกค้าของธนาคารเข้าร่วมโครงการและการสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของ NPA นอกจากนี้ยังร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อเปิดโอกาสแก่นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรม ได้พัฒนาทักษะการออกแบบตกแต่งทรัพย์ NPA ในลักษณะภาพ Perspective ให้แก่ลูกค้า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ NPA ของธนาคาร ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ในการนำทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มีอยู่กลับมาใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพ ลดการสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ
นายสุชาติ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองในปีนี้ว่า NPA ของธนาคารลดลงอย่างรวดเร็วจากประมาณเกือบ 60,000 ล้านบาทในปี 53-54 จนปัจจุบันเหลือต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท จากเหตุผลที่การลงทุนใน NPA ยังคงเป็นโอกาสและทางเลือกที่ดี เนื่องจากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านพาณิชย์หรือซื้อเพื่อการลงทุน เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ใหม่มีแนวโน้มที่ต้องปรับราคาแพงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ทรัพย์ NPA ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนเดิม
ธนาคารได้ตั้งเป้ายอดขายในปี 57 น่าจะขายทรัพย์ทุกประเภทได้ในระดับ 8,000 – 10,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นกังวลคือ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ที่จะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ นอกจากนี้แล้วแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกมีการปรับตัวดีขึ้นจากวิกฤตที่เริ่มผ่อนคลายลง
และสิ่งที่สำคัญคือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ จึงน่าจะมีการการลงทุนทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ ในพื้นที่แนวพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนโครงการทางหลวงเอเชีย หรือระเบียงเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion) ที่เชื่อมโยงผ่านประเทศไทย ทั้งเส้นทางเหนือ-ใต้ และเส้นทางตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งแนวพื้นที่ดังกล่าวจะมีแนวโน้มการเติบโตด้านอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสูง จึงว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่จะซื้อทรัพย์ NPA ของธนาคารที่ยังมีกระจายอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว