สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.4 ปี, 3.4 ปี และ 9.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,597 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 155.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC175A) มูลค่า 107.7 ล้านบาท 3. หุ้นกู้ของบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP14NA) มูลค่า 102.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 365.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 18,750 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,280 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,050 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.27% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.32% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุไม่เกิน 3 ปี ประมาณ 1-2 bps. ในขณะที่ ตราสารอายุ 5 ปีขึ้นไป ปรับเพิ่มขึ้น 1-2 bps. นักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลเกี่ยวกับประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในเชิงลบ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีการขายในพันธบัตรระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,050 ล้านบาท