(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นเกิดเทคนิคเคิลรีบาวน์ เล็งกลุ่มแบงก์-สื่อสารนำตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 7, 2014 09:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวน์ได้ในช่วงสั้น ๆ โดยมอง upside ที่ 1,250-1,260 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,190-1,200 จุด ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มแบงก์ และสื่อสารนำตลาดฯ
"ตอนนี้ตลาดฯได้เรื่อง valuation ที่ไม่แพง ซื้อตรงนี้ต้องมองข้างช็อตไป โดยคุณต้องมองข้ามการเมืองไปแล้ว แล้วถือลงทุนระยะยาวไป"นายอดิศักดิ์ กล่าว

สำหรับปัจจัยการเมืองยังคงกดดันตลาดฯอยู่ ซึ่งวันนี้ก็ต้องตามดูความคืบหน้าการแก้ไขที่มาของส.ว.ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

"ซึ่งตอนนี้หลาย ๆ คนอยากรู้ว่า การเมืองจะออกมายังไง หากดันทุรังที่จะเลือกตั้งไปก็อาจเกิดปัญหาได้ จึงควรจะมีการเจรจากันให้ดีกว่านี้ เพราะปัญหาการเมืองยิ่งลากยาวออกไปเท่าไร ก็ยิ่งกระทบเศรษฐกิจมากเท่านั้น"

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(6 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,425.10 จุด ลดลง 44.89 จุด(-0.27%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,826.77 จุด ลดลง 4.60 จุด(-0.25%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,113.68 จุด ลดลง 18.22 จุด (-0.44%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 73.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 5.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.37 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.51 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(6 ม.ค.)ที่ 1,230.84 จุด เพิ่มขึ้น 6.22 จุด (+0.51%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,349.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ม.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(6 ม.ค.)ที่ 93.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.53 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(6 ม.ค.)ที่ 6.28 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.08/11 รอความชัดเจนป.ป.ช.ชี้มูล 381 ส.ส.-ส.ว.
  • 7 องค์กรเอกชน เตรียมเป็น"คนกลาง"เชิญทุกฝ่ายร่วมหารือปฏิรูปประเทศทั้งพรรคการเมือง-กปปส.-ทหาร-นักวิชาการ หวังได้แนวทางที่ชัดเจน เพื่อเป็นทางออกของประเทศ ขณะ กกร.ถกรับมือการชุมนุมใหญ่ 13 ม.ค. เรียกร้องทุกฝ่ายยึดสันติ-เลี่ยงความรุนแรง ห่วงกระทบธุรกิจรายย่อย
  • ภาครัฐ-เอกชน มั่นใจแผนฉุกเฉินรับมือผู้ชุมนุมปิดกรุงเทพฯ 13 ม.ค. พลังงานถก"ผู้ค้าน้ำมัน-ก๊าซ"วันนี้ แผนรับมือ เน้นสำรองน้ำมัน-แอลพีจี สั่งเปลี่ยนเวลาขนส่ง"รัฐ-เอกชน"แห่จองพื้นที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์-ไบเทค ตั้งออฟฟิศสำรอง ธปท.มั่นใจรับมือได้ หากเหตุการณ์รุนแรง
  • การประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯหรือปิดกรุงเทพฯ วันที่ 13 ม.ค.เริ่มแผลงฤทธิ์ รายงานจากทอท.ระบุว่าได้รับแจ้งจากสายการบินหลายแห่งขอยกเลิกเที่ยวบินมากรุงเทพฯ ในวันที่ 7 ม.ค.57 มากถึง 60 เที่ยวบิน โดยมีผลตั้งแต่ 00.01-24.00 น.หรือเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 6 ม.ค.ถึงเที่ยงคืนวันที่ 7 ม.ค.
  • นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลังเปิดเผยภายหลังหารืออธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมสรรพสามิตและอธิบดีกรมศุลกากรว่า การจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษีเริ่มได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยในไตรมาสแรกของปีงบ 2557 การจัดเก็บภาษีทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 2,834 ล้านบาท
  • "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมคณะทำงานกำกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมประเมินว่า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้แค่ 3-3.5% จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ถึง 4-5%
  • สมาคมโบรกเกอร์ยันซื้อขายหุ้นได้ตามปกติ ย้ำมีระบบสำรองรองรับ ทั้งไฟฟ้า-ไอที-สถานที่ หวังกลุ่มกปปส.ชุมนุมใหญ่วันที่ 13 ม.ค.นี้ ไม่รุนแรง รับการเมืองอึมครึมตั้งแต่ ต้นปีฉุดวอลุ่มซื้อขายหดเหลือ 2-3 หมื่นล้านบาทต่อวัน ด้านบล.กสิกรไทยเตรียมศูนย์สำรองไว้ 2 แห่ง นักวิเคราะห์เตือนหุ้นเดือนนี้ยังเสี่ยงซึมยาว
  • เปิดรายชื่อหุ้นที่ได้รับและเสียประโยชน์จากการชุมนุมปิดกรุงเทพ โดยหุ้นเสียประโยชน์ "บีอีซีแอล, ซัสโก้,ซีพีเอ็น, โรบินสัน, เอราวัณ, รร.เซ็นทรัล, ไมเนอร์อินเตอร์ ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์ เป็นหุ้นบีทีเอส ,บีเอ็มซีแอล โดยเฉพาะซีพีออลล์ ร้านเซเว่นฯ ด้านผู้บริหาร ซัสโก้รับได้รับผลกระทบแต่ยังไม่แรง หากยืดเยื้อกระทบเศรษฐกิจยอดขายหด รอดูสถานการณ์เผยแผนรับมือ 13 ม.ค.2557เตรียมปิดสถานีบริการที่อยู่ใกล้บริเวณชุมนุม
  • คลังแจงฐานะการคลังภาคสาธารณะปีงบประมาณ 2556 เกินดุล 1.17 แสนล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากรายได้รัฐที่เพิ่มสูงขึ้นจากการบริโภคและรายได้พิเศษจากการประมูลคลื่น 3G

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KTB(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 32.80 บาท เป็นแบงก์รัฐทำให้ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลส่งผลให้สินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณจะเป็นผลดีต่อการเติบโตของสินเชื่อ ในช่วง 9M56 มีกำไรสุทธิ 2.39 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 5%คิดเป็น 73% ของประมาณการทั้งปีที่ 3.3 หมื่นล้านบาทซึ่งเติบโตราว 39% จากปี 55 และคาดกำไรสุทธิปี 57 จะเติบโตอีกราว 26% เป็น 4.1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ KTB มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 56 สูงที่สุดในกลุ่มแบงก์ราว 6 % (คาดเงินปันผล 0.94 บาทต่อหุ้น)
  • ADVANC(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 271 บาท คาดผลงานไตรมาส 4/56 ดีขึ้น และปี 57 สดใส
  • SCC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 550 บาท แนวโน้มดีดขึ้นในระยะสั้นจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าหุ้นขนาดใหญ่ หลังราคาหุ้นลงมาแล้วถึง 23% จากจุดสูงสุดในปี 56 ที่ 500 บาท ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 57 โต +22.1% yoy เป็น 42,538 ล้านบาท และต่อเนื่อง +10.0% yoy ปี 58 เป็น 46,789 ล้านบาท อีกทั้งให้ปันผลดี โดย 2H56 หุ้นละ 7.50 บาท และปี 57 หุ้นละ 15 บาท
  • SAMART (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27.40 บาท มองจะได้ประโยชน์จากธุรกิจดิจิตัลทีวีในฐานะผู้จำหน่ายกล่องรับสัญญาณ(Set to Box)รวมทั้งเสารับสัญญาณ ซึ่งประเด็นดังกล่าวถือเป็น Upside ของผลการดำเนินงานที่เรายังไม่รวมอยู่ในประมาณการปี 57 นอกจากนี้ปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้นจะอยู่ที่แผนการแผนเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทลูกอย่าง บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ ใน 1Q57 โดยที่ SAMART จะรับรู้กำไรจากส่วนต่างราคา IPO และผู้ถือหุ้น SAMART จะได้รับสิทธิจองหุ้น IPO ด้วย
  • PS (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 28.7 บาท ผลการดำเนินงานใน 4Q56 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าที่คาดไว้ โดยที่คาดว่าการรับรู้รายได้จะอยู่ที่ระดับ 1.2 หมื่นล้านบาท มากกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 1.1 หมื่นล้านบาท และเพิ่มขึ้นจาก 9.7 พันล้านบาทใน 3Q56 ซึ่งจะถือว่าเป็นการเติบโตมากสุดในปี 56 ขณะที่ล่าสุดบริษัทมีงานในมือราว 3.8 หมื่นล้านบาท สามารถรองรับรายได้ต่อเนื่องในปี 57-59 นอกจากนี้ในปี 2557 บริษัทวางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 55 โครงการมูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาท คาดเงินปันผลปี 56 ไว้ที่ 0.67 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.9%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ