ในปีนี้บริษัทเตรียมจะเปิดโครงการใหม่ 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 33,263 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการคอนโดมีเนียม 9 โครงการ บ้านเดี่ยว 8 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดในสัดส่วน 89:11 ทั้งนี้ บริษัทมีฐานยอดขายรอโอน(Presale Backlog)ในขณะนี้สูงเกือบ 63,000 ล้านบาท รองรับการรับรู้รายได้ไปถึงอีก 4 ปีข้างหน้า
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 56 ที่ผ่านมา SIRI เปิดตัวโครงการใหม่ถึง 48 โครงการ เกินเป้าหมายเดิมที่ 45 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 61,200 ล้านบาท และมียอดขายสูงถึง 42,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายการดำเนินกลยุทธ์รักษาระดับยอดขายตลาดต่างจังหวัดที่ได้รับการตอบรับดี ทั้งในภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี สุราษฎร์ธานี ควบคุมเวลาการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้า รับมือปัญหาแรงงานขาดแคลน ด้วยการเน้นผลิตพรีคาสท์เต็มกำลังการผลิต และเน้นการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร
นายเศรษฐา กล่าวว่า สิ่งที่เป็นกังวลอย่างมากคือสถานการณ์การเมืองในประเทศที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติที่จะยกเลิกการจองห้องพักออกไป ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ทั้งนี้มองว่าความขัดแย้งดังกล่าวยังคงมีความยืดเยื้อต่อเนื่อง และยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หากมีความรุนแรงก็จะส่งผลให้การเปิดตัวโครงการมีความล่าช้าออกไป ทำให้ยอดขายลดลง และมีผลต่อการตัดสินใจโอนโครงการ
ขณะที่ยอดปฎิเสธสินเชื้อในปี 56 อยู่ที่ 6-9% ในไตรมาส 4/56 มาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นประเมินว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตราว 3-5% ตามเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวประมาณ 3-4% โดยระดับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและเงินบาทอ่อนค่ายังช่วยหนุนเศรษฐกิจและกำลังซื้อโดยรวมได้ดี แต่ภาวะการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพและมีปัญหายืดเยื้อจะเป็นตัวกดดันให้ตลาดอสังหาฯชะลอตัวหรืออาจไม่ขยายตัวได้ในปีนี้ แต่เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายในช่วงที่เหลือของปี
ด้านตลาดอสังหาฯให้เช่าจะได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยกเลิกการจองห้องพัก และตลาดต่างจังหวัดยังน่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งยังคงรอดูการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคที่ยังคงไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามเชื่อว่ารัฐบาลในอนาคตจะมีการดำเนินการโครงการต่างๆ แต่ระยะเวลาอาจจะล่าช้าออกไป หากผลักดันได้สำเร็จจะทำให้ตลาดต่างจังหวัดกลับมาคึกคักได้มาก พร้อมกันนี้บริษัทมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มระดับกลางและล่างจะเติบโตอย่างมากในปี 57 เนื่องจากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง
"ปัจจัยการเมืองจะกระทบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในทุกเซกเมนต์ ที่อาจทำให้ยอดขายในไตรมาสแรกชะลอตัว เพราะหากเกิดความรุนแรงขึ้น แสนสิริอาจต้องดีเลย์การเปิดตัวโครงการไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย นอกจากนี้ยังกระทบการขยายตลาดนักลงทุนต่างชาติ จากความเชื่อมั่นที่ลดลง แต่เชื่อว่าตลาดน่าจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 2 และ 3 ส่วนในระยะยาวอาจกระทบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด เนื่องจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลไม่เกิดตามกำหนดเวลา"นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับเรื่องของการปรับราคาบ้านในปีนี้ มองว่าบริษัทมีโอกาสน้อยที่จะปรับราคาบ้านขึ้น เนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทและโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท น่าจะยังไม่เกิดขึ้นได้ในเร็วๆนี้ แต่ถ้าหากปรับขึ้นจะปรับประมาณ 3-5% โดยบริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำกว่า 10% เนื่องจากมีกลยุทธ์ควบคุมระยะเวลาการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมหลังจากผ่านการประเมินผลสิ่งแวดล้อม(EIA)เท่านั้น