(เพิ่มเติม) CPALL คาดธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ปีนี้ทำรายได้ 4.3 พันลบ.จากปีก่อน 3.3 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 7, 2014 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอำพา ยงพิศาลภพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL)ในฐานะรองกรรมการผู้จัดาร บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ในกลุ่มซีพีออลล์ กล่าวว่า บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด จะรุกธุรกิจช้อปปิ้งอีคอมเมิร์ซ์ออนไลน์รองรับความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ช้อปปิ้งได้สะดวกตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 4.3 พันล้านบาท เติบโตกว่า 30% จากปีก่อนที่ 3.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3-5 ปี

"ที่ผ่านมายอดขายโตปีละ 30% ถ้าเป็นไปได้ก็อยากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใน 3-5 ปีข้างหน้า"นายอำพา กล่าว

สำหรับบริษัทใหม่ดังกล่าวจะให้บริการสั่งจองและจัดจำหน่ายสินค้าที่มีมากกว่า 5,000 รายการ โดยมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าแบ่งเป็น การจำหน่ายสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 75% จำหน่ายผ่านนิตยสารเซเว่นแคตตาล็อก 10-15% และจำหน่ายผ่านเว็บไซท์ไม่ถึง 5% แต่ปีนี้ผ่านเว็บไซท์น่าจะเพิ่มขึ้นแต่ยังเป็นตัวเลขหลักเดียวอยู่

ปัจจุบัน บริษัทมีสินค้า 9 กลุ่มใหญ่ เช่น เครื่องสำอาง เครื่องนอน เครื่องครัว ของเล่นเด็ก เป็นต้น แต่ปีนี้จะเพิ่มอีก 3 กลุ่มใหญ่ คือ เครื่องประดับ แฟชั่นเสื้อผ้า และสินค้าอินเทรนด์ รวมถึงอุปกรณ์กลุ่มไอที โดยใน 9 กลุ่มหลักเดิมนั้น สินค้าที่เติบโตสูงสุด คือ เครื่องครัว และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เพราะลูกค้า 80% เป็นผู้หญิงวัยทำงาน ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้า 1.5 ล้านคน

นายอำพา กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบไอที เพิ่มคลังสินค้ารองรับการขยายตัวธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีคลังสินค้า 2 แห่งที่บางบัวทองและชลบุรี โดยบริษัทมองการตั้งคลังสินค้าใหม่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น เบื้องต้นอาจเป็นการเช่า

ส่วนปัญหาการเมืองเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยรวม แต่ในส่วนของบริษัทมองเป็นเชิงบวก เพราะภาพรวมยอดคำสั่งซื้อสินค้ายังเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ตอนนี้ยังเป็นบวกได้

อนึ่ง 24 Shopping Co.,Ltd มีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท มี CPALL ถือหุ้น 99.99% ซึ่งเป็นการจัดตั้งเพื่อความคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซมีทิศทางที่ดีขึ้นมาก ส่วนการหาพันธมิตรนั้นขณะนี้ยังไม่จำเป็น เพราะต้องการมุ่งเน้นทำหลังบ้านให้ดีก่อน โดยเฉพาะการกระจายสินค้าหลากหลายรูปแบบให้ครอบคลุมพื้นที่ โดยมองแบบ Organic Growth มากกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ