สืบเนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงประมาณ 70 จุด นับตั้งแต่สัปดาห์แรกของปีจากแรงขายกองทุนประเภท LTF ที่ครบกำหนดการลงทุนตามเงื่อนไข และตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.56 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงประมาณ 200 จุด จากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้รัฐบาลต้องเลือกที่จะยุบสภาทำให้นโยบายต่างๆ จากทางภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต้องชะลอออกไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายธุรกิจทั้งทางตรง และทางอ้อม
นอกจากนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มที่พัฒนาแล้วเริ่มมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น การประกาศมาตรการการลดทอน QE ที่ชัดเจนจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวล และหันกลับเข้าไปลงทุนในตลาดที่พัฒนาแล้ว จากปัจจัยต่าง ๆ ถือเป็นโอกาสที่ดี สำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีหลายหลักทรัพย์ที่ปรับลดลงไปต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น ทั้งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวน้อย และยังคงมีกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของตลาดพัฒนาแล้วด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ จะต้องเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด หลังจากนั้นบริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท
ส่วนในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกกองทุนภายใน 6 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจัดการจะเปิดทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และหากในวันใดวันหนึ่งราคาหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ พร้อมสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์
ฝ่ายวิจัยของบริษัทมองว่าหากเหตุการณ์ทางการเมืองกลับสู่สภาวะปกติคาดว่าดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,590 จุด โดยกองทุนนี้ มีแนวทางการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ในการคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไร ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของตลาดพัฒนาแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ โดยการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 113 (KTSUPB113)เสนอขายในวันที่ 8-14 ม.ค.56 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประเภทเงินฝาก Bank of China, Standard Chartered Bank(Hong Kong), MTN ออกโดย ICBC Asia Ltd., MTN ออกโดย Garanti Bank ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน/บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี