สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 5.4 ปี, 3.4 ปี และ 1.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 18,344 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT168A) มูลค่า 265.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG143A) มูลค่า 263.2 ล้านบาท 3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC20NA) มูลค่า 101.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 630.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 31,649 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,824 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -306 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.24% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.03% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.33% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุไม่เกิน 1 ปี ประมาณ 2-4 bps. ในขณะที่ ตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ปรับเพิ่มขึ้น 1-6 bps. โดยพันธบัตรระยะสั้นของ ธปท.ที่มีการประมูลวันนี้ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก ด้านนักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ สำหรับปัจจัยต่างประเทศตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Jobless Claims ที่จะประกาศออกมาปลายสัปดาห์นี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีการขายในพันธบัตรระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 306 ล้านบาท