ในปี 57 บริษัทมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่การลงทุนมากขึ้น โดยเริ่มที่ Derivative Warrant (DW) ชุดแรกภายใต้ชื่อ DW 11 โดยเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบเทรดเดอร์ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรได้ในทุกการเปลี่ยนแปลงของการตลาด สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่จำเป็นต้องวางหลักประกันใดๆ
ทั้งนี้ DW11 ทั้ง 11 ตัว เริ่มซื้อขายตั้งแต่ 9 ม.ค. 57 เป็นต้นไป ได้แก่ CPF11C1406A, IVL11C1406A, KTBC1406A , PTTG11C1406A,QH11C1406A, SCB11C1403A, SCB11P1403A, THCO11C1406A, TRUE11C1406A, TTA11C1406A, TUF11C1406A
นายธิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มองเป้าดัชนีปี 57 ไว้ที่ 1,200-1,500 จุด PE อยู่ที่ 11-13 เท่า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มเห็นการฟื้นตัว ทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทฯได้ให้น้ำหนักเรื่องของเศรษฐกิจโลกประมาณ 70% มากกว่าการเมืองในประเทศที่ให้น้ำหนักเพียง 30% เนื่องจากว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกเอเชียทั้งหมด ไปยังประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงเฟดได้ออกมาพูดชัดเจนว่าจะทยอยลดขนามาตรการ QE ลง เดือนละ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียน คาดว่าจะอยู่ที่ 8-10% และปริมาณการซื้อขายในปี 57 คาดว่าจะน้อยกว่าปี 56
ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ และพันธบัตรรัฐบาล ยังถือว่าต่างชาติยังถือครองอยู่ในปริมาณมากประมาณ 7 แสนล้านบาท และเคยขึ้นไปสูงสุดในเดือนเม.ย.ที่ 8.5 แสนล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มของค่าเงินบาท มองว่า จะปรับตัวอ่อนค่าลงทั้งภูมิภาค จากปีที่ผ่านมาประเทศอินโดนีเซียอ่อนค่าลง 20% อินเดีย 10% มาเลเซีย 8% และไทย 7%
สำหรับการชัตดาวน์กรุงเทพฯที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ทางบริษัทฯได้มีการเตรียมแผนสำรองไว้ หากพนักงานไม่สามารถมาทำงานได้ในช่วงวันดังกล่าว