CGS ชี้หุ้นไทยต้นปี57 ถูกกดดันจาก QE -ปัญหาหนี้ในจีน พ่วงการเมืองในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 8, 2014 15:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสุดธิดา จิระพัฒน์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยฯ ได้ประเมินการลงทุนในปี 2557 ว่าช่วงต้นปียังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาการลดขนาด QE ของสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะมีการทยอยลดอย่างต่อเนื่องในอนาคตหลังในช่วงที่ผ่านมา FED ได้ดำเนินการลดวงเงินการซื้อพันธบัตรมาที่ 7.5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน จากเดิมที่ 8.5 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งจะทำให้พอร์ทการลงทุนของต่างชาติจะลงทุนนอกประเทศอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพื่อรอดูผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเงินที่จะเกิดตามมา ขณะที่ปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และระดับหนี้ของจีนที่เพิ่มขึ้น ยังมีโอกาสกระทบต่อการลงทุนในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ได้เช่นกัน

สำหรับการเมืองภายในประเทศยังคงเป็นภาพหลอนและมีแรงกดดันต่อการลงทุนต่อไป หลังจากในช่วงไตรมาสที่ 4/56 สร้างผลกระทบจากการลงทุนจนต่างชาติขยาดตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปรับตัวลดลงต่ำ จะเป็นโอกาสสะสมหุ้นเด่นกลุ่มหลักเพื่อตักตวงผลตอบแทนในระยะยาว

ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ ผลจากการเมืองที่รุนแรงขึ้นใน Q4/56 ทำให้มีการประเมินว่าการขยายตัวของ GDP ในประเทศจะต่ำกว่า 3% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าเป้าหมาย ดังนั้น จะมีผลให้ตลาดหุ้นยังคงได้รับผลกระทบต่อไปจนกว่าจะเห็นตัวเลขที่ดีขึ้นใน Q1/57 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า GDP ในปี 2557 จะกลับมาขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญและส่งผลบวกต่อการลงทุนในอนาคต

ด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/56 มีความเสี่ยงจากการเมืองในประเทศ ตาม Q3/56 ที่มีอัตราการเติบโตลดลง ซึ่งการประกาศผลประกอบการในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นผลบวกต่อการลงทุน ทั้งนี้หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง สิ่งพิมพ์ จะกลับมาได้รับความสนใจ การเข้าซื้อหุ้นดักผลประกอบการสามารถทำได้ในช่วงต้นปี 2557

ตลอดถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากต่างชาติ ซึ่งผลจากการเมืองที่ไม่สงบ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อรวมกับการขายมาตั้งแต่ต้นปี ทำให้มียอด net sell สูงถึง 1.5 แสนล้านบาท มากที่สุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวสู่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หากค่าเงินบาทเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น เราคาดหมายว่านักลงทุนต่างชาติที่ขายออกไปมาก จะกลับมาซื้อเมื่อปัจจัยพร้อม และค่าเงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมากกว่านี้อีกแล้ว

สำหรับแนวโน้มภาพใหญ่ทางเทคนิค SET INDEX ปี 2557 ซึ่งคาดว่าแนวรับที่ 1,200 จุดจะเป็นจุดกลับ ตัวแรกและรีบาวด์ขึ้นไปยังบริเวณ 1,250 – 1,300 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมา ขณะที่แนวโน้มเดือนธันวาคม 2556 – มกราคม 2557 ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนแต่จะมีสลับเด้งรีบาวด์ช่วงอ่อนตัว

ทั้งนี้มีจุดสังเกตสำคัญที่กรอบ บริเวณ 1,180 – 1,200 จุด โดยหาก SET ผ่านกรอบได้จะยืนยันสัญญาณกลับตัวรอบใหม่ แต่หากไม่ผ่านยังมีความเสี่ยงที่จะทรุดตัวลงไปยังโซนแนวรับสำคัญ 1,100 – 1,150 จุด อย่างไรก็ตาม ที่โซนแนวรับ 1,180 – 1,200 จุดนั้นเป็นจังหวะในการเข้าซื้อสะสมเล่นรีบาวน์รอบใหม่

กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำซื้อเก็งกำไรเป็นรอบ (ลงซื้อ/ขึ้นขาย) ในกรอบ 1,200 – 1,250 จุด และ ซื้อเก็งกำไรตามอีกครั้งเมื่อ SET ยืน 1,250 จุดได้ นักลงทุนระยะกลาง – ยาว แนะนำถือหุ้นต่อและซื้อสะสมเพิ่มช่วงอ่อนตัว บริเวณโซนแนวรับ 1,180 – 1,200 จุด เพื่อรอขายที่บริเวณ 1,250 จุด

สำหรับกลยุทธ์การเลือกหุ้น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ยังคงเก็งจากปัจจัยโครงการรถไฟฟ้า และโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐ แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัย จึงเหมาะเพียงการเก็งกำไรจนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หุ้นเด่นได้แก่ STEC โดยกลุ่มสื่อสารยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ จากการเติบโตและการลงทุนของระบบ 3G และการเร่งโอนลูกค้าเป็นหลัก เรายังคงมองว่าบริษัทขนาดใหญ่ยังน่าลงทุน เรามองว่า ADVANC มีความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง

ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปี 2557 คาดสินเชื่อรวมขยายตัว 7 – 9% ถือเป็นการเติบโตที่ไม่โดดเด่นนัก เนื่องจากเรามองว่าเศรษฐกิจในประเทศยังคงมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มนี้มีราคาที่ถูกลงมาก และสามารถลงทุนโดยเลือกธนาคารขนาดใหญ่ได้ แต่หุ้น Top pick ได้แก่ SCB ส่วนกลุ่มพลังงาน แม้ว่า Sentiment ของการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานยังไม่น่าสนใจ จากราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากความกังวลประเด็นอุปทานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากประเด็นการคว่ำบาตรอิหร่านเริ่มผ่อนคลาย แต่ด้วย Valuation ของ BCP น่าสนใจมี Upside 20%

โดยหุ้นเด่นแนะนำปี 2557 ได้แก่ SCB, PS, TRC, STEC, RS, TKS, JAS, BCP และ TUF


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ