สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 68,787 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 43,693 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 63.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 20,913 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30.4% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 852 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB155A และ LB176A (รุ่นอายุ 5.4 ปี, 1.3 ปี และ 3.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 13,145 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT217A) มูลค่า 367 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP194A) มูลค่า 103 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC148A) มูลค่า 66 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 536 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,864 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,034 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,412 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.23 ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.41 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวลดลง ขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลข Non farm Payroll ที่ประกาศออกมา มีแนวโน้มในเชิงบวก ส่งผลให้ตลาดคาดว่า Fed อาจลดขนาด QE เร็วกว่าที่คาดไว้ และปัจจัยภายในประเทศนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับประเด็นความไม่สงบทางการเมือง สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มีแรงซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 4,412 ล้านบาท