ราคาหุ้นเมอร์เมดฯ ในตลาดสิงคโปร์ช่วงต้นปีที่แล้วซื้อขายอยู่ในช่วง 28-30 เซนต์/หุ้น ขณะที่ผลประกอบการทำกำไรต่อเนื่อง โดยปี 56 มีกำไร 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 450 ล้านบาท ทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นมาที่ 55 เซนต์/หุ้น หลังจากนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น และทำให้การเพิ่มทุนของเมอร์เมดฯ ในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสามารถเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนได้ครบทั้ง 100% โดยระดมทุนได้ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ
"Dual Listing เป็นหนึ่งใน Strategic แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะมี cash พร้อมอยู่แล้วโดยปัจจุบันมีมาร์เก็คแคปที่ 19,000 ล้านบาท"นายเฉลิมชัย กล่าว
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างศึกษานำบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเซีย โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTA ที่ถือหุ้น 100% ในบริษัท บาคองโก้ ทำธุรกิจผลิตปุ๋ยในเวียดนาม เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยในปีนี้ โดยคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ในช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ในปีนี้ TTA คาดวังหว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไร จากปี 56 ที่ขาดทุน 5 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขาดทุนทางบัญชี แต่ปีนี้การบันทึกขาดทุนทางบัญชีหมดไปแล้ว ขณะที่ 3 ธุรกิจหลักก็สร้างผลกำไรได้ ทั้งธุรกิจเดินเรือ พลังงาน สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สัดส่วรายได้ประเภทละ 30% ที่เหลือเป็นธุรกิจอื่นๆ ซึ่งทุกธุรกิจมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะ เมอร์เมดฯ สร้างผลกำไรกับ TTA ในปี 56 ราว 320 ล้านบาท จากการถือหุ้นในเมอร์เมดฯสัดส่วน 57.14% อีกทั้งในปี 57 ยังมีสัญญารับงานจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดิอาระเบียระยะยาว 5 ปี และร่วมลงทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์รับงานล่วงหน้า 3 ปีเป็นสัญญาที่มีรายได้เข้ามาแน่นอน
ส่วนธุรกิจเดินเรือของ TTA เองนั้น แนวโน้มค่าระวางเรือมีทิศทางที่ดี โดยขณะนี้ค่าระวางเรือได้ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 9-9.5 พันเหรียญสหรัฐ/ลำ/วันไปแล้ว ซึ่งในจุดที่คาดการณ์ดังกล่าวเป็นจุดที่คุ้มทุน และในการทำสัญญากับลูกค้าก็มีอัตราค่าระวางเรือสูงกว่าระดับดังกล่าว
ขณะที่ธุรกิจปุ๋ยภายใต้บาคองโก้ก็เป็นกำไร และการลงทุนใน บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ก็หาทางพลิกผลประกอบการกลับมามีกำไรอยู่ โดยยืนยันว่าไม่มีแผนขายกิจการของ UMS ออกไปแต่อย่างใด
"ทุกธุรกิจอยู่บนความพร้อม ก็หวังปี 57 จะทำตัวเลขกลับมาเป็นบวก"นายเฉลิมชัย กล่าว