(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ทรงตัวถึงปรับลง เหตุกังวลการเมือง-ตลาดทั่วโลกอ่อนลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 10, 2014 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะทรงตัวถึงปรับตัวลง เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ในการชุมนุมในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ซึ่งกลัวว่าจะมีการปะทะกัน ซึ่งหากมีความรุนแรงอาจจะทำให้ทหารออกมาเคลื่อนไหวได้

ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงเล็กน้อย แม้แต่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบเล็กน้อย เนื่องจากต่างรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯงวดเดือนธ.ค.ที่จะประกาศในคืนนี้ ซึ่งจะเป็นตัวเลขสำคัญตัวหนึ่งที่จะกำหนดเรื่องการลดขนาด QE และทางธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ก็จะประชุมในปลายเดือนนี้ด้วย

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,245-1,250 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,275 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(9 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,444.76 จุด ลดลง 17.98 จุด(-0.11%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,838.13 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด(+0.64%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,156.19 จุด ลดลง 9.42 จุด (-0.23%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 95.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 51.40 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.02 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 7.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.69 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 4.53 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(9 ม.ค.)ที่ 1,258.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.53 จุด (+0.04%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 629.46 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ม.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(9 ม.ค.)ที่ 91.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.67 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(9 ม.ค.)ที่ 6.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.03/04 รอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้
  • นายกฯสั่ง ส่วนราชการวางแผนรับมือผู้ชุมนุมชัตดาวน์กรุงเทพฯจันทร์นี้ ย้ำการให้บริการประชาชนต้องไม่สะดุดหรือหยุด โดยเฉพาะการทำธุรกรรมต่างๆ ประสานฝ่ายความมั่นคงวางกำลังดูแลสถานที่"พงษ์ศักดิ์"ตั้งทีมเกาะติด สถานการณ์ ยันน้ำมัน-แอลพีจี ไม่ขาดแคลนการบินไทยแจ้งปิดจำหน่ายบัตรโดยสารสำนักงานใหญ่-ศูนย์ราชการ 13 ม.ค.นี้ ส่วนรฟม.ประสานระบบขนส่งมวลชน"บีทีเอส-แอร์พอร์ตลิงค์-ขสมก."รองรับชัตดาวน์กรุงเทพฯ เพิ่มจุดจอด จัดรถรับส่งประชาชน
  • แบงก์ชาติระบุนโยบายการเงิน ยังเน้นรักษาความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ยอมรับปัจจัยในประเทศเสี่ยงเพิ่ม พร้อมประเมินโครงการลงทุนรัฐ 2 ล้านล้าน แม้กฎหมายไม่ผ่าน ยังปรับใช้งบประมาณปกติลงทุนได้ "ยูบีเอส"หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 3.6% จากเดิม 4.5% หลังชุมนุมยืดเยื้อ ด้าน"เอชเอสบีซี"มองการเมืองบ่อนไซการเติบโตประเทศ
  • "กองทุนทองคำ"ปี 2556 ซบผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 24.58% "บลจ.บัวหลวง"แชมป์ผลตอบแทนสูงสุดติดลบ 21.83% ในขณะที่ "กองน้ำมัน" สวนทางโชว์ผลตอบสุดสวยเฉลี่ย 11.97% "บลจ.โซราลิส" แชมป์ผลตอบแทนสูงสุด 14.72% ด้าน "บล. ฟิลลิป" มองทองคำยังไม่ดี-น้ำมันมีทิศทางสดใสกว่า แนะถือเพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ตไม่เกิน 5%
  • สบน.เผยยอดหนี้สาธารณะสิ้นเดือน ต.ค. 56 แตะที่ระดับ 5.373 ล้านล้านบาท คิดเป็น 45.28% ต่อจีดีพี พร้อมแจงปรับวิธีคำนวณจีดีพีของเดือน ต.ค. 56 ให้สอดคล้องความเป็นจริงมากขึ้น หลังจีดีพีต่ำกว่าคาด
  • โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวลดลงจากที่ ธปท.ประเมินก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวได้ 4% ส่วนจะขยายตัวมากน้อยเพียงใดจะต้องรอการประเมินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมกันในวันที่ 22 ม.ค.นี้ เพราะมีหลายปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศก็เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกแต่ปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองเป็นปัจจัยที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • MINT (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 30 บาท ประเมินราคาหุ้นในระยะสั้นจะได้รับปัจจัยหนุนจากการกลับเข้าซื้ออีกครั้งของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ผลดำเนินงานประเมินกำไรสุทธิในปี 57 ที่ 5.05 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY โตแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก 19% YoY ในปี 2556 ขณะที่จุดเด่นมองไปที่ระดับ ROE ในปี 2557 ที่สูงถึง 23% เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 20% และค่าเฉลี่ยของ SET ที่ 17% และระดับ PER ที่ 10.5 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 13.7 เท่า
  • CPALL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 52 บาท ประเมินราคาหุ้นในปัจจุบันรับรู้ผลกระทบจากการทำ Big Lot ที่ราคา 40 บาท/หุ้นวันที่ 25 ธ.ค.56 และแนวโน้มผลงาน 4Q56 คาดว่าจะลดลง 4% YoY และ 14% QoQ ไปแล้ว มองการพักตัวลงมาในระยะสั้นของราคาหุ้นจากปัจจัยการเมืองเป็นโอกาสเข้าลงทุน เนื่องจากบริษัทยังมีแนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ Synergy ที่จะเกิดขึ้นจากการซื้อ MAKRO คาดว่าผลประกอบการปี 57 จะมีกำไรสุทธิเติบโต 29% YoY
  • TTA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 23 บาท เมอร์เมดฯ(TTA ถือหุ้น 57.1%) สั่งต่อเรือใหม่ 3 ลำ ทยอยส่งมอบปี 59 ช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้ดีขึ้น นอกจากนี้ TTA ยังมีแผนเมอร์เมดฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ คาดผลการดำเนินงานของ TTA ตั้งแต่ปี 2014 จะพลิกเป็นกำไร 988 ล้านบาท จากขาดทุน 5 พันล้านบาทในปี 2013 และจะโตขึ้นต่อเนื่อง ผลักดันโดยเมอร์เมดฯเป็นหลัก
  • KCE (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 26.30 บาท ได้รับผลกระทบเชิงลบจำกัดจากเหตุการณ์ชุมนุมเนื่องจากรายได้หลักกว่า 95% มาจากลูกค้าต่างประเทศ และได้อานิสงส์เชิงบวกจากบาทอ่อน ประเมินแนวโน้ม 34.50 บาท/USD ใน 1H57 และแข็งค่าขึ้นเป็น 33.00 บาท/USD ช่วงสิ้นปี 57 คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวต่อเนื่องใน 1H57 จากต้นทุนราว 80% เป็นเงินบาท แต่รายได้เกือบทั้งหมดเป็น USD ขณะที่กำไรปกติ 4Q56 คาดโตโดดเด่น เพิ่มขึ้น +136% yoy เป็น 248 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ