การเติบโตของทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารมาจากธุรกิจกองทุนรวมเป็นหลัก โดยธุรกิจกองทุนรวมมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.49 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 55 ที่ 1.05 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42% ซึ่งมีสัดส่วนการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเพียง 18% โดยในปี 56 บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนใหม่จำนวนรวมทั้งสิ้น 65 กองทุน แบ่งออกเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ 48 กองทุน กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ 15 กองทุน กองทุนหุ้น 1 กองทุน และกองทุนรวมต่างประเทศ 1 กองทุน
กองทุนรวมที่มีการตอบรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุน ได้แก่ กองทุนหุ้น กองทุน LTF และกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้น โดยกองทุน LTF และกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทมียอดเงินลงทุนใหม่สูงเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนใหม่รวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยกองทุน LTF มีการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 40.33% และกองทุน RMF มีการเติบโตสูงถึง 50.37% กองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกว่า 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ กองทุนหุ้นก็มียอดเงินลงทุนใหม่เพิ่มสูงเป็นอันดับ 2 ในอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนใหม่ 8,015 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 116.72%
กองทุน LTF ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างล้นหลามได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ซึ่งมีขนาดกองทุนใหญ่เป็นอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม และมีผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งในส่วนของการเปิดบัญชีใหม่และการโอนย้ายมาจาก บลจ.อื่น เนื่องจากกองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมและจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วนกองทุน RMF ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนและมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFDIVRMF)
นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล(KFSDIV) เป็นอีกกองทุนที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เนื่องจากมีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างสม่ำเสมอ สามารถจ่ายปันผลได้ทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงปัจจุบัน ได้รับรางวัลกองทุนรวมรวมยอดเยี่ยมจาก Morningstar Fund Awards Thailand ประเภทกองทุนหุ้นขนาดเล็กถึงปานกลางปี 2010 และ ปี 2012และได้รับ Morningstar Rating 4 ดาว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 56)
"กลยุทธ์ในการบริหารกองหุ้นจะเน้นคัดเลือกบริษัทที่จะลงทุนโดย Research Driven แบบ Bottom Up มีการบริหารแบบแอคทีฟเชิงวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลที่ทันสมัยของหุ้นแต่ละตัว คัดสรรหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง มีกำไรต่อเนื่อง มากกว่าการตอบสนองกับภาวะตลาดที่มีความผันผวน รวมทั้งมีการตัดสินใจที่ฉับไวทันกับสถานการณ์ เน้นให้กองทุนสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืนมากกว่าการหากำไรจากการขึ้นลงหวือหวาตามตลาด" นายฉัตรพี กล่าว