ทั้งนี้ ในส่วนของบมจ.สามารถ เทเลคอม(SAMTEL) ผู้นำสาย ICT Solution ตั้งเป้ารายได้ 11,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% และคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 25% ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีงานสะสมในมือ มูลค่า 8,000 ล้านบาท แม้สถานการณ์การเมืองอาจจะส่งผลต่อความล่าช้าในการประมูลโครงการใหม่ แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากมีการทยอยรับรู้รายได้จากงานปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เป้าหมายปีนี้ของกลุ่ม ICT Solutions จะมุ่งเน้นการขยายบริการให้ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่ เช่น Digital Trunked Radio, Big Data Management, Cyber Security, ระบบ ERP และการวางเครือข่าย Digital TV โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาโครงการใหม่ภายในปีนี้ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และเตรียมรับงานในกลุ่มธุรกิจพลังงาน มูลค่า 1 พันล้านบาท คาดว่าจะสรุปได้ใน 2-3 เดือน
ด้าน บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย(SIM) ตั้งเป้ารายได้ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตกว่า 20% ส่วนกำไรคาดว่าจะมีอัตราเติบโต 30% โดยตั้งเป้ายอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือปีนี้ 4 ล้านเครื่อง เป็นยอดขาย Smart Phone ถึง 2.8 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ราคาขายตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท โดยไอ-โมบายจะมีการเพิ่มจุดจำหน่ายและศูนย์บริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศรวมแล้วกว่า 10,000 จุด ส่วนธุรกิจ MVNO มีเป้าหมายในการเพิ่มยอด Active Sub เป็น 1.5 ล้านรายในปีนี้
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า บริษัทย่อยอื่นๆ อย่าง บริษัท สามารถ วิศวกรรม คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากธุรกิจจำหน่ายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวี ซึ่งตั้งเป้ายอดจำหน่าย Set-top box ประมาณ 1.5-2 ล้านชุดในสิ้นปี 57
ส่วนธุรกิจ U-Trans ผู้เชี่ยวชาญระบบและเสาส่งไฟฟ้า ตั้งเป้ารายได้รวม 3,000 ล้านบาท จากรายได้ต่อเดือนของ CATS และ Kampot กว่า 100 ล้านบาท และทยอยรับรู้รายได้จากโครงการจัดหาระบบและอุปกรณ์การเจรจาทางอากาศของวิทยุการบินไทย มูลค่ารวม 1,720 ล้านบาท โดยกลุ่ม U-Trans จะเน้นการขยายงานด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง
และ สายธุรกิจ Related Business ตั้งเป้ารายได้รวม 4,000 ล้านบาท เนื่องจากบริการระบบรักษาความปลอดภัยของ Vision&Security ได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน
สำหรับบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จะเป็นบริษัทในเครือรายที่ 4 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ราวไตรมาสแรกของปีนี้
นายวัฒน์ชัย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า เชื่อว่าจะสามารถคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ และจะไม่กระทบต่อบริษัทมากนัก โดยบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งยังคงมองโอกาสการเติบโตของธุรกิจด้าน ICT และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าสู่ AEC ก็จะเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงบริษัทยังมองไปข้างหน้าเพื่อสร้างรายได้ประจำ ด้วยการขยายธุรกิจใหม่ อย่างการเปิดตัว Smart Phone การบุกตลาด Digital TV มีขนาดตลาดใหญ่ถึง 2.3 ครัวเรือน การขยายบริการกลุ่ม ICT Solution รองรับความต้องการด้านความปลอดภัย