ทั้งนี้ ในปี 56 บลจ.สามารถบริหารผลการดำเนินงานได้สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยสิ้นเดือน ธ.ค.56 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 550,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อนหน้า จากเดิมกำหนดเป้าไว้ที่ 516,000 ล้านบาท
กลยุทธ์การบริหารงานปีนี้ตั้งเป้าเป็นบริษัทจัดการที่มีผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนครบถ้วน เพื่อให้ธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สามารถให้บริการทางการลงทุนอย่างครบถ้วน และนำไปสู่วิสัยทัศน์ของธนาคาร ในเรื่อง Convenience Bank นอกจากนี้ จะเป็น บลจ.ที่มีการบริการที่ทันสมัย มีผลประกอบการและขนาดทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการเป็นอันดับ 1 ใน 3
แนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ปี 57 บลจ.กรุงไทยมองเป้าหมาย SET Index ณ สิ้นปีที่ประมาณ 1,590 จุด ปัจจัยบวกมาจากปัจจัยภายนอกได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการขยายตัวในทางบวกของประเทศอุตฯหลักซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และภาวะที่อัตราดอกเบี้ยคงอยู่ในระดับต่ำเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ตลาดหุ้นไทยจะได้รับความสนใจที่ลดลงจากนักลงทุนต่างประเทศที่หันไปสนใจตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมากกว่า แต่เชื่อว่าเมื่อระดับราคาเชิงเปรียบเทียบอยู่ในระดับที่จูงใจก็จะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม มองภาวะการลงทุนในครึ่งแรกจะยังไม่สดใสนัก จากที่มีการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงการลดนโยบายแบบผ่อนคลายพิเศษของธนาคารกลางสหรัฐ และไทยต้องก้าวผ่านปัญหาทางการเมืองไปให้ได้ก่อน ซึ่งการลงทุนระยะสั้นก็ขึ้นกับความคลี่คลายในปัญหาการเมืองด้วย แต่ครึ่งหลังการลงทุนน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการที่มองปัญหาการเมืองน่าจะคลี่คลายไปได้ ซึ่งระดับ PE ต่ำกว่า 11 เท่าลงมาถือเป็นระดับที่น่าสนใจลงทุนระยะยาว
แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 57 คาดเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 4.6% อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อออกไปก็อาจทำให้ตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่หากการเมืองยืดเยื้อออกไปจนทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบฯ 57ต้องล่าช้าออกไปมาก ก็อาจทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้เพียง 4.1% ซึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) อาจตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.75% ตลอดปี 57 แต่ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อจนกระทั่งไม่สามารถจัดทำงบประมาณใหม่สำหรับปีงบฯ 58 ได้ และจำเป็นต้องมีการใช้งบฯปี 57ไปก่อน ก็อาจทำให้เศรษฐกิจในปี 57 เติบโตได้เพียง 3.6% เท่านั้น และกระทบต่อการเติบโต
นายสมชัย กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นปัจจุบัน 1,250 จุด ถือว่าถูกมากสำหรับหุ้นไทยนักลงทุนระยะยาวควรลงทุนบ้าง มองกรณีเลวร้ายหากไม่มีการเลือกตั้ง ดัชนี SET น่าจะปรับลงได้อีกต่ำสุดมอง 1,100 จุดหรือ 1,150 จุด ซึ่งถ้าปรับลงถึงระดับนี้ PE ตลาดราว 10.5 เท่า ก็ถูกมาก มองไม่น่าจะต่ำกว่า 1,100 จุด เพราะถ้าต่ำกว่านี้จะต้องปรับ GDP และผลกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้ลงก่อน และกรณีเลือกตั้งได้ดัชนีจะปรับขึ้นไปแถว 1,350 จุดอีกครั้ง เพราะถ้าการเมืองนิ่งจะทำให้แรงซื้อกลับเข้ามา