สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 57 ยังคงเป้ารายได้ที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากการขยายสาขาเพิ่ม 100 สาขาและการรับรู้รายได้ของสาขาที่เปิดในปี 56 ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศไม้ได้สร้างผลกระทบให้กับบริษัทมากนัก โดยอัตราการเติบโตของยอดขายในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังไปได้ดี ยังได้อานิสงส์จากฤดูหนาวที่ทำให้ตัวเลขยอดขายช่วงปลายเดือน ธ.ค.56 ถึงเดือน ม.ค.57 ยังเติบโตได้ดี
"แผนการเติบโตของปี 57 ยังโตไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งยังคงเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มในปีนี้ 100 สาขา และแผนการเข้าซื้อกิจการยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งพยายามอยากให้ปิดได้ในไตรมาส 1 แต่ขอดูความชัดเจนหลังเดือนนี้อีกที มองว่าเงินลงทุนคงไม่ใช่เม็ดเงินที่ใหญ่ จากที่เพิ่งมีการเข้าลงทุนกับบริษัทไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงกระบวนการ ส่วนของดีลอื่นๆที่จะเข้ามาก็คงไม่ใช่ดีลใหญ่ในช่วงนี้ แต่ว่าจะเป็นดีลที่จะต่อยอดให้กับบริษัทฯในช่วง 3-5 ปีนี้มากกว่า"น.ส.สุณี กล่าว
น.ส.สุณี กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงเดินหน้าโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนสถาบันรู้จักบริษัทมากขึ้น แม้ว่าขณะนี้จะมีการเข้ามาถือหุ้นของ 2 กองทุนใหญ่จากต่างประเทศที่แสดงให้เห็นว่าเขามีความสนใจลงทุนในบริษัทจริง จึงเปิดโอกาสให้เข้ามาร่วมเป็นผู้ถือหุ้น หลังจากที่หุ้นบางส่วนพ้นช่วง Silent Period ขณะที่ตนเองยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับต้นๆ
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 57 ที่ผ่านมา ได้มีกองทุนใหญ่ 2 กองทุนเข้าซื้อหุ้นของนายพิชัย กัญจนาภรณ์ ประธานกรรมการ ได้แก่ กองทุน MINDO ASIA INVESTMENTS LIMITED และกองทุน NTAsian Discovery Fun ในสัดส่วนรวมกัน 13.13% โดยเข้าซื้อในราคา 13.90 บาท/หุ้น ที่สูงกว่าราคาตลาด และสูงก่าราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ราคา 13.59 บาท/หุ้น
"มีการแจ้งข่าวไปเบื้องต้นแล้วซึ่งกองทุนทั้ง 2 กองทุนก็มีความสนใจหุ้นแม็คกรุ๊ปตั้งแต่เราเตรียมขาย IPO ซึ่งยังไม่มีการจัดสรรหุ้นให้กับต่างประเทศ จึงมีการติดตามมาว่ามีหุ้นพอที่จะจัดสรรได้หรือไม่ ซึ่งในช่วงนี้ก็มีการตก Silent Period ออกมาจำนวนนึง เราจึงคิดว่าน่าสนใจที่เราจะได้พาร์ทเนอร์เข้ามาร่วม ด้วยบรรยากาศขนาดนี้แล้วเขายังกล้าเข้ามา ก็เชื่อว่าเขามั่นใจบริษัทฯมาก ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นส่วนตัวยังเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุด"น.ส.สุณี กล่าว
น.ส.สุณี กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นรายใหม่ทั้ง 2 ราย เป็นกองทุนที่มีชื่อเสียงที่เน้นการลงทุนระยะยาวในบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโต และศักยภาพการแข่งขันสูง อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหารจัดการ และนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด