สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 44,944 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 16,375 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 36.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,614 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 34.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB183B (รุ่นอายุ 5.4 ปี, 3.4 ปี และ 4.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 7,623 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL165A) มูลค่า 120.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF14NA) มูลค่า 75.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH153A) มูลค่า 51.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 247.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,085 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,602 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -3,515 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.23% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.41% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อย ในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศโดยเฉพาะการ Shutdown กรุงเทพฯ ว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ตลาดเริ่มคลายความกังวล เกี่ยวกับ Fed อาจจะชะลอมาตรการ QE เพิ่มอีก ภายหลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมา ปรับเพิ่มขึ้นเพียง