นอกจากนี้ ผลจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ของเฟดให้การสนับสนุนการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะตัดสินใจยุติมาตรการ QE เมื่อพิจารณาจากการประเมินเศรษฐกิจในด้านบวกยังเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ราคาทองคำได้รับผลบวกจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% จากระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และในช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า $20/Oz หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดที่ 74,000 ตำแหน่งซึ่งต่ำสุดในรอบ 3 ปี
สำหรับตัวเลขจ้างงานของสหรัฐประจำเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวในอัตรา 197,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าที่ขยายตัวได้ 241,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะอัตราว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 6.7% ในเดือนธันวาคม ซึ่งลดลงจากระดับ 7.0% ในเดือนพฤศจิกายน
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้น ทางโกลเบล็ก แนะนำให้เล่นเก็งกำไรในกรอบที่ $1,205-1,290/Oz หรือ 18,860-20,180 บาท/บาททองคำ(อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 33.00 บาท/$) โดยแนะนำให้ทยอยขายออก เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น เนื่องจากอัตราว่างงานสหรัฐได้ปรับตัวลงสู่ระดับ 6.7% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่เฟดเคยกล่าวว่าจะมีการปรับลดวงเงินของมาตรการ QE เพิ่มเติมซึ่งจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำตลอดไตรมาส1/57 โดยการปรับตัวขึ้นในขณะนี้มองเป็นเพียงการรีบาวด์เพื่อปรับตัวลงต่อ
นอกจากนี้ ทางโกลเบล็ก ยังแนะนำนักลงทุนจับตาแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อาทิ ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ (MOM) ,ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ(MoM) , Beige Book สหรัฐฯ ,อัตราว่างงานออสเตรเลีย ,ดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ ,ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯ ,สุนทรพจน์คุณเบน เบอร์นันกี้ และยอดอนุญาตสร้างบ้านสหรัฐฯ