สำหรับตราสารที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีวี (KFI3MDV) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ BBB- นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+, AA- และ AA- ตามลำดับ รวมทั้งยังลงทุนในเงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk, ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Moody’s ที่ Baa3 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจไทย นายนาวินกล่าวว่า จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ปิดที่ 73.4 จุด ซึ่งต่ำสุดในรอบ 24 เดือน ปรับตัวลดลงจาก 75 จุดในเดือนก่อนหน้า และมีการลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งตลาดคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงจากการชุมนุม แต่แนวโน้มที่ยืดเยื้อเนื่องจากยังไม่มีทางออกที่ชัดเจนทั้งจากแกนนำผู้ชุมนุมและจากฝ่ายรัฐบาล จะเป็นปัจจัยต่อเนื่องที่ฉุดตัวเลขและการขยายตัวเศรษฐกิจในปีนี้ให้ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 2 – 2.50%
“สำหรับสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.42% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.31% ในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงมีการเทขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลให้เกิดการชุมนุมอย่างยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี สำหรับตราสารหนี้ระยะสั้นกลับมีอัตราผลตอบแทนลดลง โดยพันธบัตรอายุ 1 ปี มีอัตราผลตอบแทนลดลงมาอยู่ที่ 2.25% จาก 2.31% ในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาได้อีก" นายนาวินกล่าว