(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าผันผวนจากการเมืองกดดันส่ง Flow เข้าไทยน้อยกว่าตลาดอื่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 16, 2014 09:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังผันผวน โดยตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวขึ้น ๆ ลง ๆ จากแรงกดดันปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดต่อไป โดยวันนี้ให้จับตา กกต.จะมีการหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาข้อเสนอเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่ และจะมีการยกระดับการชุมนุมหรือไม่ ขณะนี้จะเห็นได้ว่า Flow ที่ไหลเข้ามาในไทยยังด้อยกว่าตลาดอื่น

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันหมดตามดาวโจนส์ ภายหลังจากที่ World Bank ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น โดยคาดปี 57 GDP จะโต 3.2% จาก 2.4%

วันนี้แนะให้เลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก อย่าง WHA, SPALI ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ และให้ปันผลที่ดี นอกจากนี้ก็ให้รอดูการประกาศผลประกอบการงวดปี 56 ของหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่เริ่มทยอยประกาศออกมา

พร้อมให้แนวรับ 1,255 จุด แนวต้าน 1,292 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(15 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,481.94 จุด เพิ่มขึ้น 108.08 จุด(+0.66%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,848.38 จุด เพิ่มขึ้น 9.50 จุด(+0.52%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,214.88 จุด เพิ่มขึ้น 31.87 จุด(+0.76%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 36.42 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 183.14 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 50.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 4.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.75 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.57 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.81 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(15 ม.ค.)ที่ 1,277.03 จุด ลดลง 18.84 จุด(-1.45%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,164.24 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ม.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(15 ม.ค.)ที่ 94.17 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(15 ม.ค.)ที่ 7.39 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.88/90 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์แข็ง-รอดูการเมือง
  • รัฐบาลเดินหน้าเลือกตั้ง 2 ก.พ. ชี้ไม่มีอำนาจเลื่อนออกไป ด้าน"สุเทพ'ลั่นเดินหน้าชุมนุมต่อไปไม่มีกำหนด ขณะ'ธงทอง'นัดถกแผนปฏิรูปวันนี้
  • เวิลด์แบงก์เปิดเผยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ประจำปี 2557 ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(จีดีพี) ของไทยปีนี้ จะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% และ 5% ในปี 2558 จากเดิมที่ 3.2% ปีที่แล้ว แต่ทว่าการเติบโตของไทยยังเปราะบางเพราะความเสี่ยงจากปัญหาขัดแย้งตึงเครียดทางการเมือง และปัจจัยภายนอกอย่างการชะลอมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • การชุมนุมปิดกรุงเทพฯ หรือชัตดาวน์กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 13-14 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการใช้บริการรถไฟฟ้าทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ ผู้บริหารรถไฟฟ้าใต้ดิน บีเอ็มซีแอล เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 13-14 ม.ค.มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเฉลี่ยวันละ 3.2 แสนคน เพิ่มขึ้นจากปกติ 20% ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 7 ล้านบาท จากปกติ 5-6 ล้านบาท คำนวณจากค่าโดยสารเฉลี่ย 25 บาทต่อครั้ง
  • นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ขณะนี้ลูกค้าต่างชาติที่อยู่ระหว่างเจรจากับโจนส์ แลงฯ เพื่อซื้อที่ดินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในไทย ซื้อที่ดินเปล่าเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆประมาณ 10 ราย ชะลอการตัดสินใจลงทุนชั่วคราว หลังจากสถานการณ์การเมืองยังไม่มีความชัดเจน โดยเบื้องต้นจะยังไม่ยกเลิกการลงทุน แต่เลื่อนตัดสินใจออกไปอีกเป็นช่วงไตรมาส 2-3 หากยืดเยื้อมาก
  • สมาคมตราสารหนี้ เผยต้นปีนี้เงินไหลออกตราสารหนี้ 2 หมื่นล้าน ผลจากเฟดหั่นคิวอี และการเมืองไทยร้อน มองเอกชนชะลอออกหุ้นกู้ใหม่ ไม่มั่นใจสถานการณ์การเมือง ขณะที่ ทั้งปี 56 ต่างชาติมียอดถือครองตราสารหนี้สุทธิ 707,000 ล้านบาทลดลงครั้งแรกรอบ 4 ปี
  • กองทุนอสังหาฯ ราคาต่ำกว่าราคาจองทุกกอง หลังต่างชาติแห่ขาย หวั่นการเมืองภายใน-เงินบาทอ่อนค่า "ทีโกรท" รับนักลงทุนต่างชาติขายตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ผลจากตลาดหุ้นไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงหนัก พร้อมเพิ่มสัดส่วนหากราคาต่ำลง

*หุ้นเด่นวันนี้

  • GLOBAL (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 22.40 บาท เป็นตัวเลือกลงทุนที่น่าสนใจจากการเติบโตตามการขยายตัวของตลาดค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ มองว่าจำนวนสาขาที่กระจายตัวในต่างจังหวัด จะทำให้ GLOBAL ได้ประโยชน์จากฐานลูกค้าใหม่ของประเทศกลุ่ม CLMV ต่อยอดการเติบโตระยะยาว เราคาดว่าปีนี้ GLOBAL จะมีกำไรสุทธิเติบโตสูงกว่ากลุ่มค้าปลีกที่เราศึกษา ขณะที่ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงทำให้หุ้นซื้อขายที่ PEG ปี 2557 เพียง 0.5 เท่า และแม้ผลประกอบการจะลดลงไปถึงกรณี SSSG ต่ำกว่า GDP ซึ่งเรามองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อย หุ้น GLOBAL ยังซื้อขายที่ PEG ปี 2557 ต่ำกว่า 1 เท่า
  • SPALI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 22.40 บาท ราคาหุ้นกลุ่มบ้านในระยะสั้นยังคงมีปัจจัยหนุนในเชิง Sentiment จะการที่ตลาดเริ่มมีความหวังว่าในการประชุม 22 ม.ค.2557 กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง แม้ว่าเราจะให้น้ำหนักว่า กนง. จะปรับดอกเบี้ยลงในการประชุม 12 มี.ค.2557 ก็ตาม ประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 ไว้ที่ 3.85 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 9.7% YoY ของกลุ่มฯที่ศึกษา และคาดเงินปันผลในปี 2557 ไว้ที่ 0.94 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ราว 6% เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 5.0% YoY ของกลุ่มฯที่ศึกษา
  • KSL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 15 บาท แม้ราคาน้ำตาลตลาดโลกยังไม่สดใสจากภาวะ Oversupply แต่คาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะโตได้ 24% จากปริมาณอ้อยเข้าหีบมาเพิ่มมากขึ้น และแนวโน้มธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอลที่ยังดีต่อเนื่อง
  • CPF(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เพิ่มเป้าเป็น 36 จาก 32.50 บาท คาดกำไรปกติใน 4Q13 -74% Q-Q ตามฤดูกาล และคาดว่าปี 2013 ผลการดำเนินงานหลักขาดทุน 1.17 พันล้านบาท แต่กำไรจากการขายเงินลงทุนจะทำให้มีกำไรสุทธิ 6.95 พันล้านบาท ส่วนปี 2014 คาดพลิกเป็นกำไรจากการฟื้นตัวของธุรกิจกุ้งและไก่ และดอกเบี้ยที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้อนุพันธ์ เราปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 20% เป็น 7.82 พันล้านบาท
  • SCB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 189 บาท จะรายงานงบ 4Q56 ในช่วงเย็นวันนี้ หรือศุกร์นี้ โดยผลประกอบการ 4Q56 คาดโตสูง +30% yoy เป็น 1.21 หมื่นล้านบาท จากสินเชี่อที่ขยายตัว +2.3% qoq และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยทรงตัว qoq ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมมีทิศทางขยายตัวสูง yoy จากการบันทึกรายได้ขายกองทุน TRUEIF และกำไรพิเศษจากการปิดกองทุนวายุภักษ์ราว 1 พันล้านบาท ดังนั้น หากผลประกอบการ 4Q56 ออกมาใกล้กับที่คาด จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2556 ขยายตัว +25.6% yoy เป็น 50,512 ล้านบาท พร้อมคาดปันผล 2H56 หุ้นละ 3.50 บาทหรือคิดเป็น 2.4%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ