บลจ.ธนชาต แนะลงกองทุนรวมตปท.ผลตอบแทนดี ช่วงการเมืองตึงเครียด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 16, 2014 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า บริษัทขอเสนอกองทุนต่างประเทศที่ให้โอกาสผลตอบแทนดี ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียม-แบรนดส์ฟันด์ (T-PREMIUM BRAND) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจสินค้าหรือบริการระดับบน กองทุนเปิดธนชาต Multi Asset Portfolio (T-MAP) ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินหลายประเภทที่แตกต่างกัน เช่น หุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ โดย บลจ.เป็นผู้จัดสรรน้ำหนักการลงทุน และกองทุนเปิดธนชาต Global Equity Fund (T-GlobalEQ) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ หรือกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยสามารถลงทุนได้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก หรือในบางช่วงเวลาอาจเน้นลงทุนเฉพาะประเทศ กลุ่มประเทศ ภูมิภาค หรือกลุ่มธุรกิจ

สำหรับกองทุนเปิดธนชาต Global Equity Fund ตั้งใจให้กองทุนดังกล่าวเป็นตัวกระจายความเสี่ยง เป็นกองทุนหลักที่ลงทุนในต่างประเทศ เป็นกองทุนประเภทฟันด์ออฟฟันด์ โดย บลจ.จะเลือกผู้จัดการกองทุน เลือกตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในแถบทวีปนั้นๆ และปัจจุบันกองทุนดังกล่าวยังสามารถให้โอกาสผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน และกองทุนเปิดธนชาต Global Equity เพื่อการเลี้ยงชีพ (T-GlobalEQRMF) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในกองทุนประเภท RMF

กองทุนดังกล่าว ใช้กลยุทธ์การมองไปข้างหน้าถึง 2 ปี ในการทำการตลาด โดยให้ผู้จัดการกองทุนแต่ละภูมิภาควิเคราะห์การลงทุนในเวลานั้น และ บลจ.จะทำการเลือกตลาดที่น่าสนใจและให้ผลกระทบน้อยที่สุด แล้วทำการจัดสรรการลงทุนอีกทีหนึ่งว่า จะเข้าไปลงทุนในภูมิภาคไหนในสัดส่วนเท่าไหร่ ซึ่งปัจจุบันกองทุนดังกล่าวได้แบ่งการลงทุนในสหรัฐอเมริกา 50% ยุโรป 30% และที่เหลือเป็นเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ มองแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2557 ยังมีความเสี่ยงอยู่ในช่วงขาลงท่ามกลางหลายประเด็นทางเศรษฐกิจที่ต้องจับตาใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่มีความร้อนแรงอยู่ทุกขณะเวลานี้ จนทำให้ตลาดหุ้นไทยเกิดความผันผวนเป็นอย่างมากทั้งนี้การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะการลงทุนในสหรัฐอเมริกา และยุโรปเองที่ขณะนี้มีการปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุนที่สามารถให้โอกาสผลตอบแทนที่ดี และยังเป็นการกระจายความเสี่ยง แทนที่นักลงทุนจะลงทุนในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว

"ที่ผ่านมาของนักลงทุนไทยส่วนใหญ่จะชอบลงทุนในประเทศของตัวเองเป็นหลักมากกว่าที่จะออกไปลงทุนนอกประเทศ ซึ่งช่วงนี้อาจจะต้องปรับเปลี่ยนแนวความคิดหรือมุมมองใหม่ เพราะสินทรัพย์ของไทยถือว่ามีขนาดเล็กมากเพียงไม่เกิน 2% ของ GDP ทั่วโลก ตลาดต่างประเทศจึงเป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสอยู่มาก"นายบุญชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ