สำหรับโครงการอื่นๆ มูลรวมประมาณ 5,300-5,400 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมย่านรัชดา ขนาด 300-400 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 1,300-1,400 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว ซ.สุขุมวิท 77 ขนาด 100 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งโครงการโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่และแถบภาคใต้ มูลค่ารวมราว 1,000 ล้านบาท
นายนคร กล่าวว่า ในส่วนของโครงการโรงแรมนั้น อาจจะเป็นไปได้ทั้งการซื้อโรงแรมที่ดำเนินกิจการอยู่แล้วหรือสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุป 1-2 โครงการภายในปีนี้
ทั้งนี้ เกือบทุกโครงการที่ยังไม่ได้เปิดตัว อาจจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตร เนื่องจากเป็นโอกาสที่ดีกว่าในการเติบโต และเพื่อความรวดเร็วในการเปิดโครงการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพันธมิตรแต่ละโครงการเป็นรายใดบ้าง ซึ่งสัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากการให้เช่า 20% และการขายอีก 80%
ขณะที่บริษัทได้มีการตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ไว้จำนวน 1,500-2,000 ล้านบาท
ด้านขาดทุนสะสมอยู่ของบริษัทราว 6,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าอีก 2 ปีจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมด โดยใช้กำไรของบริษัท และอาจจะมีการพิจารณาลดทุนจดทะเบียน แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะดำเนินการเมื่อใด
ส่วนแผนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทนั้น ปัจจุบันได้มีการชำระหนี้กับเจ้าหนี้ไปทั้งหมดแล้ว หลังจากได้มีการปรับโครงสร้างต่างๆ โดยเชื่อว่าในอนาคตการเติบโตของบริษัทจะเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยยังจะเน้นธุรกิจหลักคืออสังหาริมทรัพย์