ในปี 56 กำไรสุทธิหากไม่รวมผลกระทบจากการตั้งสำรองพิเศษจำนวน 2.6 พันล้านบาทในเดือน มิ.ย.56 กำไรสุทธิจะอยู่ที่จำนวน 16.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีก่อน ทั้งนี้หลังจากการตั้งสำรองพิเศษ กำไรสุทธิสำหรับปี 56 อยู่ที่จำนวน 14.1 พันล้านบาท ลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับปี 55
ปัจจัยขับเคลื่อนผลกำไรสุทธิที่น่าพอใจของธนาคารมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อันเป็นผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น
ด้านเงินให้สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 13.6% คิดเป็นสินเชื่อใหม่จำนวน 112.6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.55 ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อรายย่อยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักโดยสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลเติบโตอย่างสมดุลที่ 15.4% ขณะที่สินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และลูกค้าธุรกิจ SME เพิ่มขึ้น 14.9% และ 8.7% ตามลำดับ
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับเพิ่มเป็น 4.37% แม้ต้องเผชิญภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในการระดมเงินฝาก
ทั้งนี้ ในปี 56 กรุงศรีได้เข้าเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก นำมาสู่การเติบโตและโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น โดยจะเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของกรุงศรีที่มีความโดดเด่นด้านสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME เข้ากับกลุ่มมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเชี่ยวชาญด้านธุรกิจขนาดใหญ่และมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก