บริษัทฯ จะเน้นมองหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติม เพื่อช่วยผลักดันสินค้าตราเพชรไปยังกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น หลังจากที่ผ่านมา ตราเพชรได้รับความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพสินค้าและตราสินค้าก็มีความแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในตลาดอาเซียนอยู่แล้ว
"ปีนี้เราจะผลักดันตลาดส่งออกให้มากขึ้น เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของตลาดเพื่อนบ้านที่มีการเติบโตที่ดี โดยเราจะเน้นหนักในตลาดพม่าและลาว ที่เรามีเป้าหมายต้องการจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายของทั้ง 2 ประเทศนี้ให้มากขึ้น ด้วยความหลากหลายของสินค้าภายใต้แบรนด์ตราเพชร ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นได้อีก จากเดิมที่มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 10-12% ของยอดขายรวมทั้งหมด"นายสาธิต กล่าว
ส่วนตลาดภายในประเทศ มองว่ายังมีการเติบโต เนื่องจากกลุ่มผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและกลุ่มห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะใช้จุดแข็งด้านความพร้อมของฐานการผลิตในโรงงานจังหวัดสระบุรี เชียงใหม่ และขอนแก่น โดยจะใช้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 75-80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 9.82 แสนตัน ป้อนความต้องการของตลาดผ่านช่องทางขายต่างๆ พร้อมกับจะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็มความแข็งแกร่งในด้านความหลากหลายสินค้าของตราเพชรและการให้บริการหลังการขายที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
"ปีนี้ถือเป็นปีที่มีความท้าทายการทำตลาด ซึ่งในภาวะเช่นนี้ ผู้ประกอบการที่ตราสินค้าที่แข็งแกร่ง สินค้าที่หลากหลายผ่านช่องทางการจัดหน่ายแข็งแกร่ง จะสามารถรับมือกับภาวะตลาดในปีนี้ได้ ซึ่งตราเพชรมีพร้อมและเราจะรุกทำตลาดอย่างหนัก เพื่อผลักดันเป้าหมายในปีนี้ให้เติบโตอย่างน้อย 10% ได้"นายสาธิต กล่าว