แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ค่อนข้างดีเมือเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จาก บริษัท บัน จำกัด เข้ามาเต็มที่ทั้งปี ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 30-40% รวมทั้งจะมีรายได้จากการซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เข้ามา รวมถึงคอนเทนท์ต่างๆ ที่จะต่อยอดรายได้จากการเข้าฉายในโรง และยอดจำหน่ายดีวีดีและวีซีดี
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมร่วมมือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ในการเข้าไปร่วมจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล(Set top box)ที่คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/57 เป็นต้นไป ประเมินทั้งปีนี้ราว 400-500 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในการควบรวมกิจการ 1-2 ราย ในธุรกิจที่มีเกี่ยวเนื่องกับบริษัท โดยบริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับปีนี้ไว้ที่ราว 200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการควบรวมกิจการ และการจำหน่าย Set top box
"ปีนี้เราได้ลดเป้ารายได้มาอยู่ที่ราว 2.2 พันล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายที่เราวางไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่ค่อยปกตินัก แต่เราก็ยังจะมีการเติบโตหากเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการรับรู้รายได้ในธุรกิจใหม่ๆที่จะเข้ามาเต็มปี " นายสามารถ กล่าว
ส่วนรายได้ในปี 56 ที่ผ่านมาจะเติบโตได้กว่า 10% แต่ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้จะเติบโตได้ราว 30% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้ยอดขายของธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ประกอบกับ ธุรกิจใหม่ๆที่ได้เริ่มเข้าไปลงทุนในช่วงไตรมาส 4/56 ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
"รายได้ในปีที่ผ่านมาเติบโตได้ไม่มากนัก หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้ยอดขายธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ลดลงค่อนข้างมาก และในช่วงไตรมาส 4 เราก็ได้เข้าไปรุกธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองพอดี ทำให้ได้รับผลกระทบไปด้วย รายได้ในปีที่ผ่านมาจึงผิดจากเป้าหมายที่วางไว้"นายสามารถ กล่าว