นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังแกว่งตัวและผันผวนได้ ตราบใดที่สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งตลาดฯเวลานี้เป็นเรื่องของปัจจัยทางการเมืองล้วน ๆ จากเหตุการณ์ความรุนแรงรายวัน แม้ว่าตลาดฯจะรับรู้บ้างแล้ว แต่นักลงทุนเห็นว่าถ้าเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีโอกาสที่จะมีการประกาศใช้พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมืองก็จะด้อยลงด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติเองก็มีการขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า ซึ่งบรรยากาศในต่างประเทศเวลานี้ถือว่าดี
พร้อมให้แนวรับ 1,275 จุด แนวต้าน 1,315 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(20 ม.ค.)ปิดทำการ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 69.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 111.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.60 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.14 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(20 ม.ค.)ที่ 1,289.99 จุด ลดลง 5.42 จุด (-0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,533.98 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค.57
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(20 ม.ค.)เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(20 ม.ค.)ที่ 5.85 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.82/84 จับตาปัจจัยการเมืองในปท.-ผลประชุมกนง.พรุ่งนี้
- โตโยต้า ชี้เศรษฐกิจชะลอตัวฉุดตลาดรถยนต์ปีนี้ร่วง 13% ส่งสินค้าใหม่ เพิ่มโชว์รูมกระตุ้นกำลังซื้อ เดินหน้าขยายกำลังการผลิตทะลุ 1 ล้านคัน หวั่นการเมืองยืดเยื้อฉุดแผนลงทุน
- ส.อ.ท.ชี้พิษการเมืองกระทบเอสเอ็มอีหนักสุด ศก.ไทยซบเซาลงเรื่อยๆ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนย่ำแย่ ต่างชาติทยอยเทขายหุ้น สินทรัพย์ ความเสี่ยงรัฐประหารเพิ่มสูง
- โบรกทองประเมินราคาทองคำไตรมาสแรก สวนทางกัน ด้านออสสิริสคาดเห็น 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่"จิตติ"นายกสมาคมค้าทองเผยมีโอกาสขยับแต่ไปไม่ไกลเพราะเกิดจากแรงเก็งกำไร ส่วนเอ็มทีเอสประเมินแผนลดเพดานหนี้สหรัฐของผู้ว่าการเฟดคนใหม่ยังเดินหน้า กดดันต่อเนื่อง ส่วนราคาทองคำในประเทศมีสิทธิหลุด 19,000 บาทอีกครั้ง เหตุแนวโน้มบาทแข็งค่า
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า วันที่ 22 ม.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบทางการเมืองตามปกติ
- หน่วยงานเศรษฐกิจเกาะติดเงินทุนเคลื่อนย้ายพบตั้งแต่ พ.ย.-ม.ค.ออกไปแล้วร่วม 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ, แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เผยได้ประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เพื่อติดตามข้อมูลเงินทุนเคลื่อนย้ายต่างประเทศที่เกิดขึ้นจนอาจกระทบกับเศรษฐกิจของไทยและค่าเงินบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- TMB(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 2.70 บาท ผู้บริหารให้เป้าการดำเนินธุรกิจปี 2014 โดยตั้งเป้าเพิ่ม ROE เป็น 14% จาก 9% ในปี 2013 โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยซึ่งคาดว่าน่าจะโตเร่งตัวขึ้น และมีแผนชะลอค่าใช้จ่ายและลดการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญ แต่เชื่อว่าแผนดังกล่าวท้าทายเกินไป จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 7,164 ล้านบาท +25% Y-Y พร้อมคาดจ่ายปันผล 0.05 บาท (Yield 2.4%)
- SYMC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 17 บาท ประเมินราคาหุ้นสะท้อนผลกระทบจากการลงทุนโดยสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วแทนการเช่าจาก EGAT ไปแล้ว ซึ่งต้นทุนที่ซ้ำซ้อนจากทั้งค่าเช่าและค่าเสื่อมราคา ส่งผลให้เราประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 ลดลง 18% YoY ขณะที่เราประเมินว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวชัดเจนอีกครั้งจากต้นทุนที่ประหยัดขึ้นชัดเจน หลังสัญญาเช่าโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วหลักกับ EGAT ครบอายุสัญญากลางในปี 2557 ทั้งนี้ในเบื้องต้นเราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 และ 2558 ฟื้นตัวขึ้น 9% และ 20% YoY ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีสูงถึง 15%
- CK(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 29.50 บาท มองราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาตอบสนองด้านลบจากความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐ และการที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องในคดีที่ CK เป็นโจทย์ฟ้องร้อง กทพ. ไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มในปี 2557 บริษัทคาดว่ามีโอกาสเซ็นสัญญางานใหม่ราว 3 หมื่นล้านบาท จากโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอินเฟส 2 และเขื่อนน้ำบาก นอกจากนั้นคาดว่าจะมีโอกาสรับงานจากภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, งานสนามบินสุวรรณภูมิ และรถไฟฟ้ารางคู่คลอง19-แก่งคอย ซึ่งโครงการทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับ พ.รบ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทด้วย
- BBL(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 224 บาท เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเข้าสู่ AEC ซึ่งทำให้ความต้องการสินเชื่อเติบโตได้ สินเชื่อปี 56 เติบโต 9.2% เร่งตัวขึ้นมากในช่วงสุดท้ายแม้ปลาย 3Q56 สินเชื่อจะเติบโตเพียง 4%YTD ปี 56 มีกำไรสุทธิ 3.6 หมื่นล้านบาทเติบโต 13%yoy และคาดจะเติบโตราว 26% เป็น 4.5 หมื่นล้านบาทในปี 57 ทั้งนี้ BBL มีอัตราส่วนกันสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ(Coverage Ratio) สูงสุดในกลุ่มที่ระดับ 214% ทำให้มีภาระในการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติมต่ำกว่าแบงก์อื่น