"เราเคยคุยเป็น option หนึ่ง แต่เราไม่ทำเพราะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องทำ(กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน) การขยายตัวเราทำแบบพอเหมาะพอควร เราหาเงินได้อยู่แล้ว" ประธานกรรมการ AOT กล่าว
ทั้งนี้ AOT มีโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 วงเงินลงทุนประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในปีนี้เริ่มก่อสร้าง และจะก่อสร้าวแล้วเสร็จในปี 60 ส่วนท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) จะขยายอาคารผู้โดยสารระยะที่ 2 รวมทั้งขยายทางวิ่ง เพื่อรองรับเครื่องบินแอร์บัส A380 รวมวงเงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ประธานกรรมการ AOT กล่าวว่า บริษัทจะนำแหล่งเงินทุนมาจากเงินสดในมือที่บริษัทมีอยู่ 4 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมีกำไรสุทธิในแต่ละปีประมาณ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท โดยงวดปี 56/57(สิ้นสุด ก.ย.) คาดว่าจะมีผลกำไรประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้บริษัทจะเริ่มทยอยจ่ายในปี 57 ซึ่งปีแรกคาดว่าจะจ่ายประมาณ 10-15% ของวงเงินลงทุน ขณะที่บริษัทคาดว่าในปี 59-60 อาจจะกู้เงินเพิ่มเติมในช่วงที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ก็เชื่อว่าวงเงินกู้ไม่มากเป็นหลักพันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรจากการสวอปหนี้เงินสกุลเยนเป็นเงินบาท จำนวน 3 พันล้านบาทเมื่องวดปี 55/56 และปัจจุบันเงินบาทกลับมาอ่อนอีกครั้ง ทำให้ภาระหนี้สกุลต่างประเทศลดลงประมาณ 3 พันล้านบาท
น.อ.ศิธา กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีการปรับเป้าหมายรายได้งวดปี 56/57 ที่คาดจะเติบโต 10% จากงวดปีก่อน แม้ว่าได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ แต่ยอมรับว่าไตรมาสที่ 1 ของงวดปี 56/57 (ต.ค.-ธ.ค.56) และต่อเนื่องในไตรมาส 2 ของงวดปี 56/57 (ม.ค.-มี.ค.57) ได้รับผลกระทบแต่ไม่มาก แต่จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้าไทยน้อยลง หรือนักท่องเที่ยวบางรายไม่แวะจุดกรุงเทพโดยบินตรงไปเชียงใหม่หรือภูเก็ตแทน แต่มีผู้โดยสารไทยบินออกนอกประเทศมาก และบินภายในประเทศมากขึ้นมาชดเชยแทน
"สถานการณ์การเมืองส่งผลกระทบบริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ ค่อนข้างมาก...เป้ารายได้ยังไม่ปรับ ขอรอดูสถานการณ์ไปก่อน"น.อ.ศิธา กล่าว