อย่างไรก็ดี แม้จะไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการขาย TLIFE กำไรสุทธิก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญมาจาก ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปรับลดลงร้อยละ 1.92 เป็นผลมาจากความสำเร็จในการลดค่าใช้จ่ายได้ตามแผนที่วางไว้ ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากการขยายตัวของสินเชื่อ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.55 ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.82 ตามการเติบโตของทุกธุรกิจภายใต้กลุ่มธนชาต อย่างไรก็ตามมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 5,380 ล้านบาท เพื่อรองรับความเสียหายจากขาดทุนการขายรถยึดซึ่งเป็นผลกระทบจากอุปสงค์และอุปทานในตลาดรถมือสอง
ด้านนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ในปี 2556 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 15,385 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากปีก่อน เป็นผลจากในไตรมาสที่ 2 ที่ธนาคารธนชาตได้ดำเนินการขายหุ้นในบริษัทธนชาตประกันชีวิตให้กับ พรูเด็นเชียลประกันชีวิต รวมทั้งรายได้อื่นๆก็ปรับตัวดีขึ้น
"เป็นปีที่เอื้อในการประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของธุรกิจจากนโยบายการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด การให้บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งความร่วมมือของพนักงานทุกระดับชั้นและระบบงานที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีในการประกอบธุรกิจต่อไปในอนาคต"นายสมเจตน์ กล่าว