บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 40-50 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 25-29 โครงการ บ้านเดี่ยว 9-12 โครงการ คอนโดมิเนียม 5-8 โครงการ และโครงการในต่างประเทศ 1 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวม 164 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 59,689 ล้านบาท
นายทองมา กล่าวว่า เพื่อรองรับกับเป้าหมายของบริษัท จึงได้ขยายโครงการพฤกษาพรีคาสท์ อีก 2 โรง ตั้งงบลงทุน 2.1 พันล้านบาท จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตบ้านรวมสูงถึง 1,120 หลังต่อเดือน คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในเดือน ก.ย.57
ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ PS เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 56 ที่ผ่านมาจะสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ราว 3.6-3.7 หมื่นล้านบาท ถึงแม้ว่าในช่วงเดือน ธ.ค.56 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองทำให้ยอดจองโครงการปรับตัวลดลงราว 15% แต่อย่างไรก็ตาม ยอดโอนยังเป็นไปตามที่กำหนดไว้
"เราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น กระทบกับยอดจองลดลงประมาณ 15% แต่อย่างไรก็ตามยอดโอนของเราก็ยังทำได้ค่อนข้างดี ทำให้ปีที่ผ่านมารายได้ของเราเติบโตได้เกินเป้าหมาย และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ "นายเลอศักดิ์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทวางแผนที่จะใช้เงินลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งลดลงจากเม็ดเงิน 1.45 หมื่นล้านบาทที่ใช้ในปีก่อน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมายบรริษัทได้ซื้อที่ดินเข้าพอร์ตไว้แล้วค่อนข้างมาก ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณากำหนดวงเงินการออกหุ้นกู้มูลค่าราว 5-7 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ และใช้ในกรณีที่อาจเกิดความต้องการใช้เงินเร่งด่วน
"เราเตรียมเรื่องการออกหุ้นกู้เพื่อเสนอเข้าบอร์ดใช้ในการรองรับการเติบโตของเรา และเผื่อไว้ใช้ในกรณีเร่งด่วนเท่านั้น ไม่ใช่การออกเพื่อใช้ในตอนนี้ และปีนี้เราตั้งงบซื้อที่ดินไว้ราว 1 หมื่นล้านบาทน้อยกว่าปีที่ผ่านๆมา เพราะปีที่ผ่านๆ มาเราซื้อที่ดินไปมากแล้ว ปีนี้เราก็จะซื้อที่ดินให้น้อยลงเพื่อบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ก็จะทำให้กำไรปีนี้ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย"นายเลอศักดิ์ กล่าว
นายเลอศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog) มูลค่า 37,836 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 20,786 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้นั้น นายเลอศักดิ์ มองว่า จะเติบโตในกรอบแคบๆ จากปี 56 ไม่เกิน 5% โดยคาดว่ามูลค่าตลาดรวมจะอยู่ที่ราว 6.4 แสนล้านบาท ตลาดต่างจังหวัดจะเติบโตในจังหวัดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 แต่หากได้รับผลกระทบปัจจัยด้านลบต่างๆ คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงราว 2% ซึ่งโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลจะได้รับผลกระทบมากกว่า
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเน้นการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงเพื่อรักษาอัตราการเติบโตอย่างยั่งยืน จับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นเรียลดีมานด์ ส่วนใหญ่จะเป็นเซ็กเม้นระดับกลาง และ ล่าง โดยจะเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้อย่สงต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบ Real Estate Manufacturing (REM) ที่จะนำมาใช้กับทุกโครงการแนวราบ เพื่อควบคุมคุณภาพและบริหารต้นทุน
ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันพรุ่งนี้จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เนื่องจากปัจจัยรอบด้านยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ขณะนี้ยังเป็นช่วงต้นปีประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจได้ลำบาก รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่จบ