สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB145B และ LB196A (รุ่นอายุ 3.4 ปี, 0.3 ปี และ 5.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 23,303 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 265.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL20OB) มูลค่า 234.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 175.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 674.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,374 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 845 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -587 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.21% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.37% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารอายุไม่เกิน10 ปี ประมาณ 1 bp. โดยล่าสุดวันนี้ผลประชุม กนง.มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ตามเดิม เนื่องจากเห็นว่าดอกเบี้ยในปัจจุบันเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ โดยให้ความเห็นว่าปัจจัยทางการเมืองกระทบกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนเศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 587 ล้านบาท