นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ จนกว่าจะมีปัจจัยชี้นำ โดยขณะนี้ปัจจัยการเมืองก็ยังมีน้ำหนักต่อตลาดฯ ซึ่งภายหลังประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้างแล้ว และผู้ชุมนุมก็ไม่ได้กลัวอะไร ตอนนี้ก็ต้องจับตาการปะทะกันของกลุ่มมวลชนทั้งสองฝั่ง ว่าจะมีการปะทะกันหรือไม่ เพราะจะทำให้ตลาดผันผวนได้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนลบ ซึ่งช่วงนี้ก็เป็นช่วงของการประกาศผลประกอบบการของบริษัทจดทะเบียน
อย่างไรก็ดี ต้องรอดูว่าดัชนีฯจะสามารถยืนเหนือระดับ 1,290 จุดได้หรือไม่ ถ้ายืนไม่ได้ก็จะเป็น downside พร้อมให้แนวรับ 1,275 จุด แนวต้าน 1,310 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(21 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,373.34 จุด ลดลง 41.10 จุด(-0.25%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,844.86 จุด เพิ่มขึ้น 1.06 จุด(+0.06%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,243.00 จุด เพิ่มขึ้น 17.24 จุด(+0.41%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 79.67 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.42 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 0.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.65 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.50 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.17 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(22 ม.ค.)ที่ 1,290.49 จุด ลดลง 2.61 จุด(-0.20%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 864.24 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ม.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(22 ม.ค.)ที่ 96.73 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ฯหรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(22 ม.ค.)ที่ 5.69 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.93/95 หลังดอลล์แข็งค่า-ราคาทองลง
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะทำให้ไทยเสี่ยงที่จะถูกลดเรตติ้งลง จากที่ผ่านมาสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก คงเรตติ้งประเทศไว้ระดับเดิม แม้ว่าเป็นระดับที่ไม่ดีมาก แต่ยังเป็นระดับที่น่าลงทุน
- แบงก์ชาติเผย กนง.มีมติ 4 ต่อ 3 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ประเมินอัตราปัจจุบันยังเอื้อการเติบโต ขณะที่อีก 3 เสียงโหวตลด 0.25% "ประสาร"ระบุเสียงส่วนใหญ่มองเศรษฐกิจถูกผลกระทบการเมือง ลดดอกเบี้ยไร้ประโยชน์ ฟันธงการเมืองฉุดเศรษฐกิจแค่ช่วงสั้น พื้นฐานยังดี พร้อมหั่นคาดการณ์จีดีพีปีนี้เหลือ 3% จากเดิม 4%
- ภาคธุรกิจหวั่นรัฐประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จุดชนวนรุนแรง-ต่างชาติหนีไทย หอการค้าฟันธงท่องเที่ยวหดแน่ ด้านแอตต้าผวาจีนยกระดับเตือนภัยหลัง หลังฮ่องกงประกาศ "ห้ามเข้ากรุงเทพฯ" ระยะสั้นกระทบท่องเที่ยวตรุษจีนแน่ ชี้หากเหตุการณ์รุนแรงปะทุอีกรอบมีโอกาสเสี่ยงสูญเสียรายได้กรุ๊ปทัวร์ทั้งหมด อสังหาฯ หวั่นกระทบลงทุนต่างชาติ "อิสระ" ประกาศยุติบทบาท 7 องค์กรเอกชนชั่วคราว
- น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดเล็กในวันที่ 23 ม.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ เพื่อพิจารณาออกประกาศคำสั่งและข้อห้ามตามประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นชุดใหญ่ใน 1-2 วันนี้ และได้เตรียมแผนขอออกหมายจับกุมแกนนำกลุ่ม กปปส.ทั้งหมด 57 คน ซึ่งสามารถนำไปควบคุมตัวไว้ 30 วัน ตามอำนาจของพ.ร.ก.นอกจากนี้ยังเตรียมจะส่งกำลังผสมร่วมระหว่างทหารและตำรวจเข้าไปดูแลสถานที่ราชการให้ทำงานได้ ฯลฯ
- นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางกำลังทบทวนปรับลดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ลงมาจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 82% เพราะปัญหาการเมืองที่มีความยืดเยื้อ แม้จะไม่มีปัญหาต่อระบบการเบิกจ่ายของกรมบัญชีกลางแต่จะทำให้การเบิกจ่ายของส่วนราชการต่างๆ ติดขัดไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพราะหลายหน่วยงานราชการไม่สามารถเข้าไปทำงานได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27.40 บาท มองราคาหุ้นที่ล่าสุดปิดที่ระดับเดียวกับ ณ สิ้นปี 56 แย่กว่าเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ปรับตัวขึ้น 3.9% YTD สะท้อนผลงานใน 4Q56 คาดกำไรสุทธิ 4Q56 จะไม่โดดเด่น และการเลื่อนนำ"วันทูวัน คอนเทคส์"เข้าตลาดไปแล้ว ในระยะต่อไปประเมินว่าราคาหุ้นมีโอกาสกลับมาสะท้อนผลงาน 1Q57 ที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นอีกครั้ง โดยมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานของ SAMART Engineering ที่จะรับรู้รายได้การขายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลเต็มไตรมาส และ SAMART U-Trans จะเริ่มรับรู้รายได้โครงการวิทยุการบินราว 800 ล้านบาทในปีนี้
- PTTEP(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 194 บาท Downside Risk ถูกจำกัดจากการที่เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิมากที่สุดในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากการเมืองในประเทศ สะท้อนออกมาจากการที่ตั้งแต่ 2 ม.ค.2557 ต่างชาติซื้อสุทธิผ่าน NVDR ราว 620 ล้านบาท ต่อเนื่องจากในช่วง 24 ต.ค.-27 ธ.ค.2556 ที่ขายออกมาราว 1.41 พันล้านบาท ในด้านของผลการดำเนินงานเราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 ที่ 7.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY ขณะที่จุดเด่นของ PTTEP คือมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือกว่า 2 พันล้านเหรียญ
- SVI(ฟินันเซีย ไซรัส)คาดกำไรสุทธิ 4Q13 +347% Q-Q, +318% Y-Y เป็นบริษัทเดียวในกลุ่มที่กำไรโต Q-Q ทั้งที่เป็น low season และคาดว่ากำไรปกติปี 2014 จะเติบโตสูงสุดในกลุ่ม แนะนำเพียง"เก็งกำไร"เพราะราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาทำให้มี PE 13.2 เท่าไปแล้ว และ upside เริ่มแคบเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท
- PTTGC(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 94 บาท มองราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการใน 4Q56 ที่อ่อนตัวไปแล้ว คาดส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงกำลังการผลิตจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติผลักดันกำไร-ราคาหุ้นกลับมาเพิ่มขึ้น ปีนี้คาดปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 8-10% หลังหน่วยผลิตหลายแห่งที่หยุดซ่อมกลับมาดำเนินการปกติ กำไรสุทธิคาดในปี 56 ประมาณ 34,600 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2%yoy และปี 57 ประมาณ 38,400 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11%yoy