สภาธุรกิจตลาดทุน-โบรกฯ มองรัฐออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินซ้ำเติมความมั่นใจนักลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 23, 2014 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลบางส่วนเป็นระยะเวลา 60 วัน เป็นการซ้ำเติมความไม่มั่นใจของนักลงทุนและภาคธุรกิจจากที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองอยู่แล้ว จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาอย่างระมัดระวังหากจะมีการประกาศมาตรการต่าง ๆ ต่อเนื่องออกมา เนื่องจากปัจจุบันนักธุรกิจ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติยกเลิกการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งยกเลิกแผนการเยี่ยมชมธุรกิจ(company visit)เพราะกังวลด้านความปลอดภัย

ด้านผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ราคาหุ้นปรับลดลงมาค่อนข้างมากตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯเริ่มประกาศแนวโน้มที่จะทยอยลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) ในช่วงเดือน ส.ค.56 ส่งผลให้มีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดหุ้นไทยอยางต่อเนื่องไปกว่า 2.9 แสนล้านบาท จึงทำให้ช่วงนี้มีแรงขายออกมาไม่มากแล้ว ขณะเดียวกัน ภาคการเงินและภาคการลงทุนได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ จึงขอเรียกร้องให้ยุติสถานการณ์ลงด้วยสันติโดยเร็ว เพราะหากยืดเยื้อมากกว่านี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะรุนแรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในยระยะนี้แนะนำนักลงทุนให้หาโอกาสในการเข้าลงทุนในช่วงวิกฤติที่ราคาหุ้นค่อนข้างถูก

ด้านนางภัทรีรา ดิลกรุ่งธีรภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติหลายรายสอบถามถึงการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯมายังโบรกเกอร์ต่าง ๆ ซึ่งก็ได้ชี้แจงว่ายังไม่มีเหตุรุนแรงใดใดเกิดขึ้น เป็นเพียงมาตราการที่ภาครัฐฯเตรียมไว้ใช้ดูแลสถานการณ์ แต่หาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีระยะเวลายาวนานถึง 60 วัน ผลกระทบก็จะมีมากขึ้น

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายหลังเกิดปัญหาการเมือง พบว่าชะตัวลอตัวลง ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซึม แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองจบลง นักลงทุนต่างชาติจะยังเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี ประกอบกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ประเทศไทยจะยังเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจใน AEC

ส่วนนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตลท.ยังสามารถดูแลระบบการซื้อขายได้ตามปกติ แม้ที่ผ่านมาจะปิดอาคารที่ทำการ ซึ่งตลท.ถือเป็นหน้าที่หลักที่ต้องดูแลระบบการซื้อขายเพื่อให้บริการแก่โบรกเกอร์ทุกราย ซึ่ง ตลท.มีแผนจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่ประเทศสิงคโปร์ และออสเตเรีย ในเดือนมี.ค.57 เพื่อให้ข้อมูลและให้ความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนอีกด้วย

*ออกแถลงการณ์

ในวันนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ออกแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นวิวัฒนาการของระบบการปกครองที่เคยเกิดขึ้นในหลายๆประเทศ แม้จะก่อให้เกิดความตึงเครียดในสังคมไทย แต่ส่วนดีที่สุดที่มองเห็นคือความตื่นตัวอยากมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน กับความเห็นพ้องต้องกันของทุกภาคส่วนในเรื่องจะต้องป้องกัน ต่อต้าน และเอาผิดเกี่ยวกับคอรัปชั่นซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะซ้ำเติมความไม่มั่นใจของนักลงทุนและการทำมาค้าขาย การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนได้ จึงขอให้พิจารณาใช้ด้วยความระมัดระวัง

นอกจากนี้ เราผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง ทั้งด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ รวมไปถึงภัยธรรมชาติต่างๆ แต่ในที่สุด เราก็ผ่านมันไปได้ เพราะความเข้มแข็งของภาคธุริจกับความแข็งขันในการฟื้นฟูประเทศร่วมกันของภาคประชาชน ดังนั้น หากภาคธุรกิจกับภาคประชาชนจะช่วยกันดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตประจำวันกับใช้โอกาสปรับปรุงกิจการภายในก็จะมีส่วนช่วยประคองสถานการณ์ในขณะที่ภาคส่วนอื่นยังอ่อนแออยู่

ส่วนมุมมองต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะสั้น สภาธุรกิจฯ เห็น่วาจะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจจริง อาทิ การท่องเที่ยวซึ่งมีธุรกิจบริการและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกหลายกลุ่ม นอกจากนี้ ภาคการเงินและการลงทุนก็ได้รับผลกระทบระยะสั้นไปด้วย เนื่องจากเมื่อเทียบภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันกับในอดีตซึ่งเคยเกิดวิกฤตมา 3 ครั้งก่อนหน้าได้แก่ วิกฤตปี 35, 51 และปี 53 พบว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางมากกว่าครั้งก่อน แต่ถ้าสถานการณ์จบลงได้โดยสันติในเร็ววันก็จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มาก

ทั้งนี้นักลงทุนที่มีความเข้าใจเรื่องการลงทุนอย่างแท้จริงมักเป็นผู้มองเห็นโอกาสในวิกฤตทุกครั้ง จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่นักลงทุนระยะยาวสามารถสรรหากิจการที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีโอกาสในการเติบโต ในราคาซื้อขายที่เหมาะสมต่อการลงทุน

สภาธุรกิจฯ อันประกอบไปด้วย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และสมาคมตลาดตราสารหนี้ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ความขัดแย้งจะยุติลงโดยเร็วด้วบความสันติ และมีเป้าหมายไปที่ผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่จะด้วยวิธีการใดนั้น ทุกฝ่ายควรจะเข้าใจว่าไม่มีใครได้ทั้งหมด และไม่มีใครทนเสียอะไรได้ทุกอย่าง ดังนั้น การทำความเข้าใจในความคิด ความรู้สึกของประชาชนที่คิดต่างกัน จึงเป็นสิ่งดีที่สุดที่จะทำให้สันติเกิดขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ