สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 52,604 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 34,168 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 65.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 11,554 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 22.0% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,713 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 1.3 ปี, 3.4 ปี และ 5.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,426 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC19OA) มูลค่า 616.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC175A) มูลค่า 205.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC15OC) มูลค่า 134.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 956.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,951 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,402 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 125 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.22% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.35% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารอายุไม่เกิน 3 ปี ประมาณ 1 bp. นักลงทุนจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Unemployment Claims ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ เพื่อประเมินว่า Fed จะเดินหน้าปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปหรือไม่ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 125 ล้านบาท