(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดตปท. กังวลเงินอ่อนค่า-การเมืองกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 27, 2014 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยเช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลง ตามดาวโจนส์ที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาร่วงไปกว่า 300 จุด ทั้งนี้เป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับเงินอ่อนค่าในแถบเอเชีย และ Emerging Market

ส่วนตลาดบ้านเราก็ยังรับแรงกดดันจากปัจจัยทางการเมืองอยู่ อย่างไรก็ดี มองว่าแนวรับที่ 1,280 จุด น่าจะยังรับอยู่ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,300 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(24 ม.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,879.11 จุด ลดลง 318.24 จุด(-1.96%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,790.29 จุด ลดลง 38.17 จุด(-2.09%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,128.17 จุด ลดลง 90.70 จุด(-2.15%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 300.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 10.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 430.96 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 78.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 34.65 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 37.00 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 8.41 จุด

ส่วนตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดทำการวันนี้ (27 ม.ค.) เนื่องในวันชาติออสเตรเลีย

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(24 ม.ค.)ที่ 1,314.63 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด (+0.48%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 83.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ม.ค.57
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(24 ม.ค.)ที่ 96.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.68 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(24 ม.ค.)ที่ 7.35 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 32.88/90 กังวลการเมืองหลังมีเหตุรุนแรง
  • ประธาน กกต. หวังถกรัฐ 28 ม.ค.มีมติเลื่อนเลือกตั้งเชื่อ 1 สัปดาห์ที่เหลือออก พ.ร.ฎ. เลือกตั้งใหม่ทัน หากรัฐบาลจริงใจ กกต. ปัดรู้เห็นเป็นใจหนุนผู้ชุมนุมปิดหน่วยเลือกตั้ง เผย 89 จาก 375 เขตหย่อนบัตรล่วงหน้าไม่ได้ กทม. ล่มทั้ง 50 เขต ส่วนใต้ 10 จังหวัด ภาคกลาง 2 จังหวัด อีสาน 1 หน่วย
  • สำนักวิจัยเศรษฐกิจ-แบงก์ แห่ปรับ "จีดีพี" หลังการเมืองส่อลากยาว กระทบลงทุนภาครัฐ-ความเชื่อมั่น ประเมินครึ่งปีหลังเริ่มกระเตื้อง จากภาคส่งออกฟื้นตามเศรษฐกิจโลก จับตาเลือกตั้ง 2 ก.พ.
  • นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อ เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกในไตรมาส 2 ปี 2557 แล้ว เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าในช่วง ม.ค.นี้ ได้ลดลง ซึ่งจะมีการส่งสินค้าจริงในอีก 3-4 เดือนข้างหน้าหรือประมาณไตรมาส 2 นี้
  • แบงก์พาณิชย์ ลุยตั้งสำรองหนี้เพิ่ม ดันสัดส่วน สำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพพุ่ง เผยธนาคารกรุงเทพ นำโด่ง 214% ด้าน "ธปท." ชี้ผลจากกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ดีขึ้น เจียดบางส่วนรองรับความผันผวนที่อาจเกิดในอนาคต พร้อมยืนยันฐานะแบงก์ยังแกร่ง ไร้สัญญาณเอ็นพีแอลพุ่ง ด้าน บล.เคจีไอ มองสำรองที่ตั้งเพิ่ม สะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง ประเมินปี 2556 เป็นปีที่กำไรดีปีสุดท้าย
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ชี้สถานการณ์การเมืองที่ส่อแววยืดเยื้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว และอาจกระทบความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร ทั้งธนาคารเฉพาะกิจ และธนาคารพาณิชย์ที่จะมีความเสี่ยงมากขึ้น จากความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงในส่วนหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้ว ส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ช่วยแก้ปัญหา

*หุ้นเด่นวันนี้

  • LH (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 13.50 บาท ประเมินราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา 19.5% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET ที่ปรับตัวลดลง 9.8% สะท้อนความเสี่ยงทางการเมืองต่อราคาหุ้น และการที่บริษัทปรับแผนการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ออกไปอย่างไม่มีกำหนดไปแล้ว ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2556 และ 2557 จะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ราว 18% และ 3% YoY แม้ว่าจะไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษจากกองทุนอสังหาฯเข้ามา นอกจากนี้เงินปันผลยังเป็นจุดเด่นของ LH โดยที่ใน 2H56 คาดบริษัทจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ราว 0.28 บาท/หุ้น และทั้งปี 2557 จะจ่าย 0.54 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่น่าสนใจราว 3.1% และ 5.9% ตามลำดับ
  • PTTGC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 90 บาท ปัจจัยหนุนในระยะสั้นที่มองเด่นมาก คือกำไรปกติใน 4Q56 ที่ประเมินจะเพิ่ม 15% QoQ เป็น 6.8 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตสวนทางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภาพรวม แม้กำไรธุรกิจการกลั่นและอะโรเมติกส์จะปรับลง แต่บริษัทยังคงได้ประโยชน์จากราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโอเลฟินส์ที่ยังสามารถทรงตัวในระดับสูง ประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 ใกล้เคียงที่คาดไว้ 3.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ณ ระดับราคาล่าสุดเทียบกับเงินปันผลที่คาดว่าจะจ่ายในช่วงที่เหลือปี 2556 และทั้งปี 2557 ที่ 1.88 และ 4.00 บาทตามลำดับ คิดเป็น Dividend Yield ที่น่าสนใจราว 2.5% และ 5.1% ตามลำดับ
  • HEMRAJ(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 4 บาท คาดผลประกอบการปีนี้ยังโตต่อเนื่องจากยอดขายในมือ(Backlog)รอโอนกว่า 4.1 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกำไรสุทธิกว่า 50% มาจากธุรกิจไฟฟ้าจึงทำให้ผลประกอบการมีความผันผวนน้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่น โดยปี 57 คาดกำไรปกติประมาณ 3,050 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18%yoy โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Gheco-One เพิ่มขึ้นจากประมาณ 450 ล้านบาทในปี 56 เป็น 1,200 ล้านบาทในปี 57 หลังโรงไฟฟ้า Gheco-One จะกลับมาทำการผลิตเต็ม Capacity เต็มปีจากปี 56 ที่มีการหยุดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 2 เดือน ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้า Gheco-One ยังมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงหลังปัจจุบันค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมากแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ