นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HYDRO กล่าวว่า โครงการก่อสร้าง รวบรวมและระบบบำบัดน้ำเสียให้กับนิคมอุตสาหกรรมมัณฑะเลย์ คาดว่าจะทราบผลภายในไตรมาส 2/57 เป็นรูปแบบการลงทุนและบริหารโครงการ(Build, Operate and Transfer:BOT) งบลงทุนราว 360 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 30 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาได้อีก 20 ปี และน่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป
บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับทาง Supreme Group ที่มีเครือข่ายธุรกิจบางส่วนคล้ายกับ HYDRO เพื่อจัดจั้งบริษัทร่วมทุนในการเข้ารับงานต่าง ๆ ในพม่า เริ่มจากงานบำบัดน้ำในมัณฑะเลย์ โดยอาศัยจุดแข็งของทางพันธมิตรที่มีธุรกิจขนาดใหญ่หลายด้าน ได้แก่ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ก่อสร้าง ไฟฟ้า พลังงาน เคมีภณฑ์ การเกษตร เป็นต้น และได้รับงานจากหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลพม่ามาแล้วหลายโครงการ โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม กระทรวงเศรษฐกิจ และกระทรวงเกษตร ประกอบกับ กลุ่มดังกล่าวยังมีการจับมือกับพันธมิตรจากหลายประเทศที่มีชื่อเสียง รวมทั้งบริษัทอื่นของไทย
นายสลิบ กล่าวว่า หลังจากได้ข้อสรุปงานบำบัดน้ำแล้ว บริษัทยังมองโอกาสถึงการรับงานผลิตน้ำประปาในนิคมฯ ที่มีโรงงานจำนวนประมาณ 200 โรง และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีความต้องการใช้น้ำประปาราว 5 พันล้านลูกบาศก์เมตร/วัน หรือคิดเป็น 10% ของปริมาณทั้งเมืองมัณฑะเลย์ นอกจากนั้น ยังมองโอกาสการรับงานในพื้นที่อื่นของพม่าที่บริษัทได้เริ่มเจรจาไว้แล้วทั้งในนิคมอุตสาหกรรมที่เมืองย่างกุ้งและเมืองอื่นๆ โดยอาจจะเป็นการร่วมงานกับพันธมิตรรายปัจจุบัน หรือดึงพันธมิตรจากที่อื่นมาร่วมด้วย รวมทั้งเปิดกว้างให้กับพันธมิตรจากประเทศไทยที่สนใจมาร่วมงานกับบริษัท
"การรับงานในประเทศกำลังพัฒนา เรื่องราคาเป็นสิ่งสำคัญ จึงต้องร่วมกับพันธมิตร เรามองโอกาสในพม่ามีอยู่มาก ประชากรค่อนข้างเยอะ แต่ยังขาด knowhow ซึ่ง key ของความสำเร็จคือการมีพันธมิตรท้องถิ่นที่ดี"นายสลิบ กล่าว
นอกเหนือจากพม่าแล้ว บริษัทยังมองโอกาสที่จะขยายไปรับงานหรือลงทุนในประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในหลายด้าน เช่น ด้านพลังงาน ปัจจุบันยังต้องใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า สภาพประเทศที่เป็นเกาะทำให้การขนส่งเชื้อเพลิงต่าง ๆ ทำได้ลำบาก ดังนั้น บริษัทจึงมองแนวทางที่จะเข้าไปลงทุนในด้านก๊าซชีวมวล(bio gas) เพื่อสร้างรายได้เข้ามาเสริมให้กับบริษัทในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 30-40% ภายใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ยังไม่มีเข้ามา
นายสลิบ กล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจในปีนี้ คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยขณะนี้มีงานในมือ(backlog)งานประเภทก่อสร้างราว 2 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ราว 70-80% ยังไม่รวม backlog งานสัมปทานน้ำประปาในเชียงใหม่ 30 ปีที่ประเมินมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ที่คาดว่าจะรับรู้ฯในปีนี้ประมาณ 50-80 ล้านบาท ในแง่ของกำไรก็คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อนที่กำไรชะลอลงไปมาก