ไตรมาส 3 ของงวดปี 56/57 บริษัทมียอดขาย 6,001 ล้านบาท จากปริมาณการขาย 304,000 ตัน ยอดขายลดลง 10% เทียบกับไตรมาส 2 ของรอบปีบัญชี 57 (กรกฎาคม-กันยายน 56) เนื่องจากความต้องการบริโภคเหล็กที่ลดลงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 3 รอบปีบัญชี 56/57 (ตุลาคม-ธันวาคม 56) ที่มีวันหยุดในช่วงปลายปีและประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนที่ทำให้ผู้ซื้อระมัดระวังในการซือมากขึ้น บริษัทเน้นการขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบยอดขายในประเทศที่ลดลงมาตรการชั่วคราวที่ช่วยเรื่องการทุ่มตลาดในสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง สิ้นสุดไปเมื่อ 7 ธันวาคม 56
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะสรุปการไต่สวนการทุ่มตลาดชั้นที่สุดและประกาศมาตรการถาวรได้ภายในมกราคม 57 ยอดขายยังคงมีสูงในสินค้าเหล็กเส้น"ตราทาทาทิสคอน" ที่ใช้ในงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยทำให้ยอดขายใน 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 18,621 ล้านบาท จากปริมาณการขาย 958,000 ตัน ซึ่งสูงกว่า9 เดือนของรอบปีบัญชีก่อน 11%
ภายใต้สถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน ส่งผลทางลบต่อการดำเนินธุรกิจ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 56 คาดว่าจะเติบโตราว 2.8-3% ลูกค้าปรับตัวในการดำเนินธุรกิจโดยระมัดระวังในการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ถึงแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพฤศจิกายนเพื่อกระตุ้นเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ภายใต้สภาพแวดล้อมของการดำเนินธุรกิจที่ไม่แน่นอนบริษัทดำเนินการเชิงรุกเพื่อลดผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้นโดยเน้นในเรื่องต้นทุนและการจ่ายสินค้ายอดขายในไตรมาส 3 (ตุลาคม-ธันวาคม 56) อยู่ที่บวก 300,000 ตัน โดยเน้นการขายเพิ่มขึ้นไปในประเทศเพื่อนบ้านและตลาดต่างจังหวัดภายในประเทศช่วยทำให้บริษัทยังสามารถแสดงผลกำไรทั้งก่อนและหลังภาษี