ส่วนระยะเวลาที่จะเปิดโครงการต้องประเมินสถานการณ์ต่างๆ ให้แน่ชัด โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมือง ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
“ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองมีผลต่ออารมณ์ซื้อ (Mood) ของลูกค้าในขณะนี้ โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมือง ทำให้ผู้ประกอบการวางแผนจัดกิจกรรมทางการตลาดได้ยาก ซึ่งในส่วนของ SENA เอง ก็มีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โดยมีการเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบไปเป็นช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคมีความอ่อนไหวในการตัดสินใจซื้อสูง"นางเกษรา กล่าว
นางเกษรา กล่าวว่า ปีนี้ SENA ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 25 และยอดขาย 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Profit Margin) คาดว่าจะสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากจำนวนของโครงการใหม่ที่ลดลง ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลงตามไปด้วย โดยปีที่ผ่านมาเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/57 คาดว่าจะมีรายได้จากยอดขายโครงการต่างๆ ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ทั้งสิ้นกว่า 2,000 กว่าล้านบาท
“ภาพรวมปีที่แล้วถือได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมียอดขาย 2,500 ล้านบาท เนื่องจากสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผน โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 และ 4 ที่มีรายได้เข้ามามากขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ต่างๆ ด้วยกลยุทธ์ราคาที่เหมาะสม และการให้บริการคิดครบแบบ 360 องศา ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจมากขึ้น"นางเกษรา กล่าว
ขณะที่แนวโน้มด้านอสังหาริมทรัพย์ในปี 57 คาดว่าจะลดความร้อนแรงลง จากจำนวนของโครงการใหม่ที่ลดลง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จากผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงภาวะอุปทานที่ล้นตลาดจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีที่แล้ว ทำให้มีผลต่อความต้องการซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้บริษัทต่างๆ หันมามุ่งเน้นการเปิดตัวโครงการใหม่ในแนวราบมากขึ้น
“ปีนี้ SENA จะมุ่งเน้นเปิดตัวโครงการแนบราบมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแนวราบขายง่ายกว่าแนวสูง อันเป็นผลพวงด้านเศรษฐกิจและการเมืองซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม แต่สำหรับ “เสนาดีเวลลอปเม้นท์" มีการเตรียมพร้อมและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าสามารถรับมือกับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยเราให้ความสำคัญกับการวางแผนกระจายความเสี่ยงด้วยโมเดลธุรกิจใหม่"
นางเกษรา กล่าวว่า ในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากคอนโดมิเนียมร้อยละ 80 บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมร้อยละ 10 และธุรกิจเช่าร้อยละ 10 โดยวางเป้าหมายกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจเช่ามากขึ้น และมีแผนเปิดคลับเฮ้าส์ในโครงการสนามกอล์ฟ พัทยา คันทรี่คลับ ในต้นปี 58