การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทฯ ในครั้งนี้เป็นการสะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปี 2556 รวมถึงค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่อยู่ในระดับสูงจนถึงปี 2558 ซึ่งทำให้อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทฯ อ่อนแอลง
อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ในปี 2557 คาดว่าจะยังคงสูงและสูงกว่าอัตราส่วนที่ควรจะเป็นสำหรับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน เนื่องจากแผนการลงทุนที่สูง แม้ว่าฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อโครงการต่างๆ ที่ได้ลงทุนไปนั้นเริ่มมีรายได้เข้ามาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 เป็นต้นไปก็ตาม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความอ่อนไหวต่อสภาพตลาดในธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี มากกว่าบริษัทอื่นๆ ในประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ มีกระบวนการกลั่นน้ำมันที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าและความสามารถในการแข่งขันเรื่องต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า แม้ว่าการแผนลงทุนที่มีอยู่นั้นจะช่วยทำให้กระบวนการกลั่นของบริษัทฯ มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทฯโดยลำพัง (stand-alone credit) ลงเป็น ‘BBB+(tha)’ จาก ‘A-(tha)’ ในเดือนมกราคมปี 2556 เนื่องจากสถานะทางเครดิตของบริษัทฯ ที่อ่อนแอลง แต่อันดับเครดิตสุดท้ายของบริษัทฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากฟิทช์ให้อันดับเครดิตเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับสะท้อนถึงความสำคัญทางกลยุทธ์ของบริษัทฯ รวมถึงความเชื่อมโยงกับ บมจ.ปตท.(PTT) (ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ระดับ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่เพิ่มมากขึ้น ปตท. ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ร้อยละ 39
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต อัตราส่วนหนี้สินยังคงสูงอยู่: การที่บริษัทฯ มีแผนการลงทุนที่สูงจะยังคงเป็นอุปสรรคในการลดอัตราส่วนหนี้สินที่สูงของบริษัทฯ ในอีกสองปีข้างหน้า ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (funds flow from operation adjusted net leverage) ของบริษัทฯ จะอยู่เกิน 5 เท่า ในปี 2557 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอันดับเครดิตของบริษัทฯ ณ ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นในการขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าสินค้ากับทาง ปตท. จะช่วยทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการระดับหนี้สินและสภาพคล่องได้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่มีแผนการลงทุนสูง โดยแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบสะท้อนถึงการที่ฟิทช์มองว่าอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทฯ จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับอันดับเคริต ณ ปัจจุบันภายในปี 2558-2559
การขยายเทอมการชำระเงินเพิ่มขึ้น: บริษัทฯ คาดว่าจะมีการขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าน้ำมันดิบกับ ปตท. เพิ่มอีกในปี 2557 จากที่ขยายมาแล้วในปี 2556 ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทฯ และลดระดับความจำเป็นในการกู้ยืมเงินของบริษัทฯ ในช่วงที่บริษัทฯ กำลังมีค่าใช้จ่ายการลงทุนที่สูงในช่วงปี 2556-2557
ฟิทช์คาดว่าระยะเวลาการชำระเงินดังกล่าวจะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนส่วนใหญ่ได้ใช้ไปแล้ว และบริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สูงขึ้นเพื่อให้บริษัทฯ ลดอัตราส่วนหนี้สินลงได้
สภาพคล่องที่ยังเพียงพอ: ฟิทช์ยังมองว่าสภาพคล่องของบริษัทฯ จะยังคงเพียงพออยู่ แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ จะยังคงสูงอยู่ในปี 2557 ซึ่งสภาพคล่องดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีเงินสดอยู่ 7.6 พันล้านบาท และวงเงินกู้ยืมเงินระยะสั้นที่ไม่สามารถปฏิเสธการเบิกถอนได้อีก 9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 เมื่อเทียบกับภาระหนี้สินใน 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 9.4 พันล้านบาท นอกจากนี้สภาพคล่องของบริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากความยืดหยุ่นในการชำระเงินค่าสินค้ากับทาง ปตท.
การผลิตที่ครบวงจร: บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากการผลิตที่ต่อเนื่องครบวงจรตั้งแต่การกลั่นน้ำมันไปจนถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย รวมถึงประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของบริษัทฯ ในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายอันยาวนานในประเทศไทย การมีการผลิตที่ครบวงจรดังกล่าว สร้างความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิต ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งยังช่วยลดความผันผวนของรายได้เมื่อเทียบกับผู้ผลิตที่มีการผลิตไม่ครบวงจร บริษัทฯ มีแผนการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น จากแผนการลงทุนข้างต้นซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มอัตราส่วนกำไร รวมถึงช่วยให้อัตราส่วนกำไรมีความผันผวนลดลง
ความเชื่อมโยงกับ ปตท.: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทฯ ได้รวมถึงการเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิตของบริษัทฯ โดยลำพังเอง ซึ่งสะท้อนถึงความเกี่ยวโยงกับ ปตท. ที่เพิ่มขึ้น อาทิ การที่บริษัทฯ เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการเงินส่วนกลางของกลุ่ม ปตท. การสับเปลี่ยนหมุนเวียนของผู้บริหารระดับสูงระหว่าง ปตท.และบริษัทในเครือซึ่งรวมถึงบริษัทฯ ด้วย รวมถึงความยืดหยุ่นในการชำระเงินค่าสินค้ากับทาง ปตท.
ความผันผวนของธุรกิจ: อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงความเสี่ยงที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น ตลอดจนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลก ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเผชิญกับความเสี่ยงในเรื่องการจัดหาน้ำมันดิบ เนื่องจากประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเป็นหลัก
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยบวก: การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพที่จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ -ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้อัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน -ระดับความสัมพันธ์ในการดำเนินงานและความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯกับ ปตท. ที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยลบ: ปัจจัยในอนาคตที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในทางลบ - ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การลดอัตราส่วนหนี้สินช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ - การลดลงของระยะเวลาในการชำระเงินค่าน้ำมันดิบ จนทำให้อัตราส่วนหนี้สินสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ -อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับที่สูงกว่า 4.25 เท่า และอัตราส่วนกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย และค่าเช่า ต่อภาระดอกเบี้ยและค่าใช้ต่ำกว่า 3 เท่า ในปี 2558 - ความสัมพันธ์ในด้านการดำเนินงานและความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ ต่อ ปตท. ที่ลดลง