สำหรับกำไรในปี 56 คาดว่าลดลงมากกว่ารายได้ เพราะมีการบันทึกผลขาดทุนจากงานในโอมาน 70 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 56 ยังเป็นกำไรสุทธิ
นายสมัย กล่าวว่า รายได้ปี 56 ที่ลดลงจากปีก่อนหน้า เนื่องจาก backlog มีน้อยกว่าปี 55 จึงรับรู้รายได้น้อย]' และงานวางท่อก๊าซที่โคราชก็มีความล่าช้า และงานโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลของ บมจ.บางจาก ปิโตรเลียม(BCP)มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เดิมคาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ต.ค.56 แต่ก็เลื่อนมาเป็นเดือน ก.พ.57
ปัจจุบัน บริษัทมี backlog แล้วเกือบ 5,000 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 60% หรือ 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือที่บริษัทต้องหางานใหม่เพิ่มเข้ามาอีกกว่า 1 พันล้านบาทในปีนี้ไม่น่าจะยาก โดยบริษัทเตรียมยื่นประมูลงานใหม่มูลค่า 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ราว 1 หมื่นล้านเป็นงานของกลุ่มปตท.ซึ่งบริษัทได้รับงานมาอย่างต่อเนื่อง และงานภายใต้โครงการย้ายโรงงานยาสูบอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 7,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลปีนี้ ,งานโครงการ GUT ของ บริษัท กัลฟ์ อิเล็คทริก 12 โรง มูลค่า 100 กว่าล้านบาท/โรง และงานก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลของ BCP ที่เลื่อนประมูลมา ก.พ.คาดรู้ผล มี.ค.-เม.ย.ส่วนนี้คาดได้งานมากกว่า 50%
บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่ากำไรในปีนี้น่าจะพลิกฟื้นกลับมาเหมือนเดิม หลังจากบันทึกผลขาดทุนงานโอมานไปเกือบหมดแล้ว ขณะที่บริษัทได้ยื่นประมูลงานใหม่ที่โอมานไปอีก 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท หากถ้าได้งาน 2 โครงการนี้จะทำให้มีกำไรเข้ามาชดเชยผลขาดทุนที่บันทึกไปในปีก่อนกว่า 70 ล้านบาท โดยโครงการแรกจะรู้ผลในเดือน มี.ค.นี้ ส่วนโครงการที่ 2 จะรู้ผลในเวลาถัดไป
นายสมัย กล่าวถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนว่า เดิมบริษัทมีแผนจะทำโครงการไบโอดีเซลโรงแรกมูลค่า 70 ล้านบาทร่วมกับพันธมิตร แต่ขณะนี้ชะลอไปก่อน เพราะนโยบายรัฐบาลไม่ชัดเจน แต่จะปรับการเจรจารูปแบบโครงการใหม่ไปผลิตเชื้อเพลิงประเภทอื่น
ส่วนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทมองประเทศเป้าหมายที่พม่า และเวียดนาม โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน( AEC)ในปี 58 ซึ่งพม่าและเวียดนามมีทรัพยากรประเภท oil and gas มาก โดยบริษัทอาจไปร่วมกับ PTT นอกจากนี้ ยังมีกลุ่ม บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)ที่เข้าไปลงทุนปิโตรเคมีก็น่าสนใจร่วมลงทุน
"ปี 56 งานที่ขาดทุนเกิดจากงานต่างประเทศโดยเฉพาะโอมาน ซึ่งจบไปแล้ว ปีนี้จะพลิกฟื้นกำไรกลับมา และบริษัทได้ยื่นประมูลงานใหม่ที่โอมานไปแล้ว 2 โครงการ คงรู้ผลมี.ค.นี้โครงการละ 600-700 ล้านบาท ถ้าได้ 2 งานนี้ จะ cover loss ได้ทั้งหมด ค่อนข้างมั่นใจเพราะคู่แข่งไม่มี และเป็นงานต่อเนื่อง"นายสมัย กล่าว
นายสมัย กล่าวอีกว่า บริษัทเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยเฉพาะงานต่อเนื่องที่คาดว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วม เนื่องจากโครงการลงทุนด้านปิโตรเคมีของบริษัทต่าง ๆ น่าจะยังเดินหน้าไปตามแผนงาน แต่อาจจะมีส่วนของโครงการลงทุนภาครัฐ 2 ล้านล้านบาทที่ได้รับผลกระทบ แต่เราก็ไม่ได้เอามารวมในงานที่บริษัทมีแผนจะเข้าประมูล ซึ่งลูกค้าหลัก 60-70% เป็นกลุ่ม PTT จึงไม่น่ากังวลเพราะงานส่วนใหญ่ยังเดินหน้า
"งบลงทุนปีนี้ไม่มี เพราะการลงทุนยังเสี่ยงกับปัญหารัฐบาล การลงทุนเป็นระยะยาวถ้ารัฐบาลยังไม่ชัดก็ยังไม่พิจารณา แต่ถ้าเป็นงานโปรเจกต์ เราใช้โปรเจกต์ไฟแนนซ์ได้มีโครงการที่คุยกับแบงก์ได้ เครดิตเรายังดี ไม่มีปัญหากับซัพพลายเออร์"นายสมัย กล่าว