สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 83,795 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 64,027 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 76.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,195 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 18.1% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 797 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB236A และ LB196A (รุ่นอายุ 3.4 ปี, 9.4 ปี และ 5.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,558 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC147A) มูลค่า 165.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บ้านปู (BANPU195A) มูลค่า 134.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH149A) มูลค่า 81.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 381.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,737 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,969 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -878 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.24% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.35% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury นักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลว่า Fed อาจจะลดขนาดการซื้อคืนพันธบัตร (QE tapering) ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.2557 นอกจากนี้ปัญหาวิกฤติการเงินในตลาดเกิดใหม่ ประเทศแถบละตินอเมริกาโดยเฉพาะ ตุรกี อาร์เจนติน่า และยูเครน ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงลบ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 878 ล้านบาท