ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)ราว 2.1 หมื่นล้านบาท มีกำหนดรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 7.6 พันล้านบาท ส่วนเหลือจะรับรู้ฯในปี 58 ขณะที่บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 12 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 20,730 ล้านบาท
นายโอภาส กล่าวว่า จาก backlog อีกกว่า 1.3 หมื่นล้านบาทที่จะรับรู้ฯรายได้ในปีหน้า รวมทั้งโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้จะทำให้ปี 58 เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถือเป็นปีทองของ LPN และเติบโตต่อเนื่องไปในปี 59 ด้วย
"ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่เหนื่อยทุกเรื่อง สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยมากนักเมื่อเทียบกับปี 55-56 ซึงปีนี้เป็นปีที่มั่นใจในเป้ารายได้น้อยกว่าปี 55-56 เพราะสองปีก่อนมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ปีนี้มีความเสี่ยงรอบด้าน แม้จะมีโอกาสทำได้ตามเป้าหมายแต่ก็มีความเสี่ยง ระหว่างทางก็อาจจะต้องปรับอีก"นายโอภาส กล่าว
นายโอภาส กล่าวว่า การที่บริษัทจะไปถึงเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ก็จะต้องพยายามผลักดันรายได้จากโครงการใหม่ให้เข้ามาให้ปีนี้เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงจะเน้นเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 7 พันล้านบาท กำหนดโอนโครงการภายในไตรมาส 4/57 โดยอาศัยข้อได้เปรียบที่บริษัทมีที่ดินรองรับแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ไว้ทั้งหมดแล้ว จึงสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ทันที
ทั้งนี้ โครงการใหม่ทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี อ่อนนุช 46 มูลค่า 1,400 ล้านบาท, ลุมพินี อ่อนนุช-พัฒนาการ 2,000 ล้านบาท, ลุมพินี ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ 1,500 ล้านบาท, ลุมพินี อ่อนนุช-ลาดกระบัง 1,100 ล้านบาท และ ลุมพินี ซีวิว จอมเทียน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มเปิดขาย 2 โครงการแรก พบว่ายังคงได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายพอสมควรท่ามกลางสถานการณ์ที่มีผลต่อการตัดสินใจ ส่วนโครงการที่เหลือจะทยอยเปิดตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้
"เราจะมีรายได้มาจากการเปิดโครงการ 5 โครงใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ทันที ราว 7 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะเราต้องขอใบอนุญาตสิ่งแวดล้อม หากสถานที่ราชการไม่สามารถให้บริการได้ก็จะเป็นผลกระทบต่อเรา แต่ก็เชื่อว่าหากเกิดผลกระทบแบบนั้นขึ้นจริงเราก็มีแผนสำรองในการรองรับ เพื่อที่จะให้รายได้ของเราเป็นไปตามเป้าหมาย"นายโอภาส กล่าว
นายโอภาส กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนราว 28% คาดว่าในปีนี้จะมีการเปิดตัวลดลงเหลือ 6-6.5 หมื่นยูนิต จากปีก่อน 8.5 หมื่นยูนิต เนื่องจากปัญหาทางด้านการเมืองส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยืดระยะเวลาการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป ประกอบกับ ในปีที่ผ่านมามีอาคารชุดเปิดตัวใหม่ค่อนข้างมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายจึงเริ่มหันมาทำแนวราบมากขึ้นในปีนี้
อย่างไรก็ตาม LPN ยังคงเน้นจุดเด่นตามวิสัยทัศน์รอบใหม่ในปี 57-58 ที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัย กลุ่มเป้าหมายระดับกลางและล่าง ซึ่งยังสนใจคอนโดมิเนียม แต่สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดความไม่แน่นอนทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ เชื่อว่าหากเหตุการณ์คลี่คลายลงกำลังซื้อก็นาจะกลับมาเป็นปกติ โดยทำเลที่มีความโดดเด่นในปีนี้ยังคงเป็นแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และพื้นที่ใจกลางเมือง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงตั้งแต่สถานีแยกติวานนท์-เตาปูน ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ และอีกหนึ่งทำเลคือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ และรามอินทรา-มีนบุรี เนื่องจากเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในปีที่ผ่านมา