ถึงแม้ในขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังมองเห็นโอกาสในการลงทุนท่ามกลางความเสี่ยงของสินทรัพย์ในประเทศขณะนี้ โดยขอแนะนำนักลงทุนแบ่งพอร์ตการลงทุนโดยการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทน จากการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในภาพรวมกองทุนทั้ง 2 ประเภทสามารถให้ผลตอบแทนชัดเจนและสม่ำเสมอ
“ถึงแม้ปีนี้สถานการณ์ต่างๆยังส่งผลต่อภาวะการลงทุนแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค เนื่องจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมีการจ่ายเงินปันผลชัดเจนและสม่ำเสมอ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องวิตกกังวลกับความผันผวนของราคาถึงแม้จะเกิดสถานการณ์ที่ไม่ปกติ"นายโชติกา กล่าว
โดยเฉพาะในส่วนของกองทุน TRUEIF ซึ่งมีรายได้หลักจากสัญญาจัดหาผลประโยชน์ระยะยาวที่ให้ความแน่นอนในการสร้างกระแสเงินสดให้แก่กองทุน โดยในเบื้องต้นรายได้หลักของ TRUEIF จะมาจากสิทธิในกระแสเงินสดสุทธิจากค่าเช่าสินทรัพย์โทรคมนาคม จาก CAT เป็นเวลา 12 ปี และจากค่าเช่าของกลุ่มทรูตามสัญญาเช่าทรัพย์สินระยะยาว ส่งผลให้บริษัทจัดการมีความเชื่อมั่นว่านักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่มีการประมาณการไว้เมื่อทำการเสนอขายกองทุน TRUEIF อย่างแน่นอน อีกทั้งนักลงทุนรายย่อยยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในระยะเวลาการลงทุน 10 ปีแรก โดยเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
นอกจากนี้ผลตอบแทนของกองทุน TRUEIF ยังมีโอกาสเติบโตจากการให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายอื่นร่วมใช้เสาและ ทรัพย์สินโทรคมนาคมแทนการสร้างใหม่ซึ่งใช้งบการลงทุนสูงและถือเป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรม โทรคมนาคมของประเทศในอนาคต และเมื่อมีผู้มาเช่ารายใหม่เข้ามาก็จะส่งผลให้กองทุนมีอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย